
การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจที่หลากหลายและมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลายกลุ่ม จึงต้องบริหารบุคลากรจำนวนมากที่แตกต่างกันทั้งด้านสายงานและพื้นที่ ซึ่งต้องใช้แนวทางการพัฒนาและฝึกอบรมที่เหมาะสมกับแต่ละกลุ่ม พร้อมทั้งลงทุนอย่างต่อเนื่องในการเสริมทักษะด้านดิจิทัลและเทคโนโลยี เพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัว ในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความผูกพันของพนักงานในสภาพแวดล้อมการทำงานที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยมุ่งเน้นการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ดีและเปิดโอกาสให้บุคลากรเติบโต พร้อมทั้งขยายแนวทางการพัฒนาไปยังคู่ค้าและซัพพลายเออร์ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มองเห็นโอกาสในการดึงดูดและพัฒนาบุคลากรผ่านโครงการฝึกอบรมและเสริมสร้างภาวะผู้นำ พร้อมนำเทคโนโลยีมาใช้ในการเรียนรู้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและ e-learning เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ขณะเดียวกัน การร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ สถาบันการศึกษา และองค์กรภาคสังคม จะช่วยขยายผลลัพธ์ของโครงการให้เกิดประโยชน์สูงสุด บริษัทฯ ตระหนักดีว่าการพัฒนาบุคลากรไม่เพียงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับพันธมิตรธุรกิจ และนำไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนของบริษัทฯ รวมถึงสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและชุมชนที่บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจอยู่
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของพนักงานในทุกมิติ เพราะเชื่อว่าบุคลากรเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่า และเป็นพลังขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความ เติบโตและความยั่งยืนขององค์กร การส่งเสริมศักยภาพบุคลากรไม่เพียงแต่ช่วยให้พนักงานสามารถพัฒนาทักษะของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำงาน ส่งเสริมความผูกพัน และสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโตของพนักงานและองค์กรไปพร้อมกัน
การประเมินผลการปฏิบัติงานและการพัฒนาศักยภาพบุคลากร
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบ Objectives and Key Results (OKRs) และ Key Performance Indicators (KPIs) ที่โปร่งใสและเป็นธรรม โดยพนักงานสามารถกำหนดเป้าหมายร่วมกับผู้บังคับบัญชา และมีการให้ข้อมูลป้อนกลับ (Feedback) อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้พนักงานสามารถ ปรับปรุงและพัฒนาศักยภาพของตนเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดทำ แผนพัฒนารายบุคคล (Individual Development Plan: IDP) ที่ออกแบบให้ เหมาะสมกับแต่ละตำแหน่งงาน เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถก้าวหน้าในสายอาชีพของ ตนเองได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างทักษะพนักงานให้สอดคล้องกับยุคดิจิทัล โดยจัดหลักสูตร ฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีและดิจิทัล อาทิ Data Analytics, AI, Automation และ Digital Marketing ผ่านแพลตฟอร์ม e-Learning และเวิร์กช็อปที่จัดโดยผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้พนักงานสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ในงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังมีการฝึกอบรม ด้านภาวะผู้นำ (Leadership Development) เพื่อพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพให้สามารถเติบโตเป็นผู้นำในอนาคต
หนึ่งในโครงการสำคัญของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) คือ “Power of Dream” ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานทุกระดับสามารถนำเสนอแนวคิดใหม่ ๆ ในการพัฒนานวัตกรรม และปรับปรุงกระบวนการทำงาน
โดยโครงการที่ผ่านการคัดเลือกจะได้รับการสนับสนุนจากผู้บริหารและงบประมาณในการดำเนินการจริง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ในการทำงานแล้ว ยังส่งเสริมให้พนักงานเกิดความคิดสร้างสรรค์และมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กร
ในปี 2567 มีพนักงานเข้าร่วมโครงการ Power of Dream จำนวน 1,063 คน หรือคิดเป็นร้อยละ 20.4 ของพนักงานทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่ได้รับรางวัลทั้งสิ้น 16 โครงการ คาดการณ์ผลตอบแทนต่อการลงทุนสูงถึง 6.6 เท่า ทั้งนี้ยังจัดกิจกรรม TPOD Dreamer Coffee Talk และ The Power of Dream Boost Camp เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในองค์กรและกับพันธมิตรภายนอก
การส่งเสริมความผูกพันของพนักงานและวัฒนธรรม องค์กร
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ตระหนักดีว่าความสุขของพนักงานส่งผลโดย ตรงต่อความสำเร็จขององค์กร บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงาน ที่ดีผ่านแนวคิด “YOU ดี มีสุข” ซึ่งครอบคลุม 4 ด้าน ได้แก่ สุขภาพกาย สุขภาพจิต สุขภาพทางการเงิน และความสัมพันธ์ โดยจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาวะของ พนักงาน เช่น การให้คำปรึกษาทางการเงิน การออกกำลังกายร่วมกัน กิจกรรม เสริมสร้างสุขภาพจิต และโครงการส่งเสริมสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance Initiatives)
นอกจากนี้ เพื่อเสริมสร้างความผูกพันของพนักงาน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้พัฒนา แพลตฟอร์ม C-Next ซึ่งช่วยให้พนักงานสามารถบริหารจัดการเส้นทางอาชีพของตนเองได้
พร้อมทั้งติดตามความก้าวหน้าในการพัฒนาและการฝึกอบรมของตนเองผ่านระบบดิจิทัลที่สะดวกและทันสมัย นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดโอกาสให้พนักงาน ได้แสดงความคิดเห็นผ่าน แบบสำรวจความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement Survey) ซึ่งบริษัทฯ ใช้เป็นข้อมูลสำคัญในการพัฒนาและปรับปรุง สภาพแวดล้อมการทำงาน บริษัทฯ ยังมี โครงการพนักงานสัมพันธ์ ซึ่งมุ่งเน้นการสร้างความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันภายในองค์กร ผ่านกิจกรรมสันทนาการ การประชุมเชิงปฏิบัติการ และการมีส่วนร่วมในโครงการเพื่อสังคม ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสามัคคีและจิตสำนึกที่ดีให้กับพนักงาน
การขยายแนวทางการดำเนินงานไปยังคู่ค้า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรภายในองค์กร แต่ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาคู่ค้าและเครือข่ายพันธมิตร โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่คุณค่าของบริษัทฯ โดยมีการจัดโครงการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาศักยภาพด้านบริหารจัดการและยกระดับมาตรฐานการทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังส่งเสริมแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนให้กับคู่ค้าเพื่อให้สามารถเติบโตไปพร้อมกันอย่างมั่นคง
การสรรหาบุคลการ
บริษัทฯ มีการกำหนดคุณสมบัติของบุคลากรในแต่ละตำแหน่งงานเพื่อเป็นเกณฑ์ในการสรรหาคัดเลือกทั้งจากภายใน และภายนอกองค์กร โดยไม่เลือกปฏิบัติ เปิดโอกาสให้กับบุคลากรทุกเพศสภาพ ทุกเชื้อชาติ และไม่แบ่งแยกพื้นฐานของแต่ละปัจเจกบุคคล ภายใต้แผนงานการวางอัตรากำลังคน และกลยุทธ์สรรหาและเสริมสร้าง (Build & Buy) โดยมีการวิเคราะห์และทำนายชุดข้อมูลด้วยระบบการจัดการทรัพยากรบุคคลแบบดิจิตัล (CneXt)
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับความสมดุลทางเพศ โดยมุ่งมั่นรักษาสัดส่วนพนักงานหญิง ผู้บริหารหญิง และผู้หญิงในแต่ละหน่วยงานสำคัญ เช่น หน่วยงาน STEM และหน่วยงานที่สร้างรายได้ ให้มีสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% อย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมความหลากหลายและความเท่าเทียมในองค์กร
ช่องทางการสรรหา | อัตราการบรรจุในปี 2567 |
---|---|
การสรรหาบุคลากรจากภายในองค์กร
|
|
การสรรหาบุคลากรจากภายนอกองค์กร ผ่านสื่อและช่องทางออนไลน์ อาทิ เช่น การสรรหาผ่านบริษัทจัดหางาน การสรรหาผ่านช่องทางของบริษัทฯ https://careers.centralgroup.com/centralpattana Job board ต่างๆ เช่น JobsDB, JobThai, LinkedIn โปรแกรม referral |
สามารถดำเนินการได้จำนวน 902 อัตรา และใช้เวลาในการสรรหาว่าจ้างเฉลี่ยเร็วขึ้นร้อยละ 9.1 |
ภายใต้กลยุทธ์การสรรหาและพัฒนาบุคลากรแบบผสมผสาน (Build & Buy) บริษัทฯ ได้นำข้อมูลจากใบสมัครงาน การคัดเลือกบุคลากร การลาออก การเคลื่อนย้ายตำแหน่ง การเลื่อนขั้น ข้อมูลพนักงาน การเกษียณอายุ จำนวนพนักงานปัจจุบัน รวมถึงอัตราว่างงาน มาประมวลผลและวิเคราะห์ร่วมกันอย่างเป็นระบบ ผลการวิเคราะห์ดังกล่าวช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการคาดการณ์ความต้องการบุคลากรและการสรรหาภายในองค์กรได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งสามารถเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนเพื่อทดแทนตำแหน่งผู้บริหารระดับสำคัญได้อย่างเหมาะสมและประสบความสำเร็จถึงร้อยละ 88
การพัฒนาบุคลากร
บริษัทฯ กำหนดแนวทางการพัฒนาบุคลากรเป็น 3 ส่วน คือ การพัฒนาสมรรถนะความสามารถและความรู้เฉพาะฝ่ายงาน (Functional Competency) การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development) และการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพ และผู้สืบทอดตำแหน่ง (Talent and Succession) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ รวมถึงการแข่งขันด้านการสรรหาบุคลากรในตลาดแรงงาน
ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ขยายกรอบการพัฒนาไปสู่ทักษะยุคดิจิทัล โดยพัฒนาหลักสูตร e-Learning และเวิร์กช็อปเชิงลึกในหัวข้อ AI Literacy, AI 102: Co-Pilot Workshop, Cyber Awareness และการใช้ Generative AI อย่างปลอดภัย เพื่อเตรียมความพร้อมให้พนักงานสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และตอบโจทย์บริบทขององค์กรยุคใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและนวัตกรรม
การพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพสูง
- สื่อสารและประชาสัมพันธ์แนวทางการจัดทำแผนพัฒนารายบุคคล ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้พนักงานกำหนดเป้าหมายทางอาชีพได้ชัดเจน สามารถวางแผนการพัฒนาอาชีพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งทบทวน และปรับปรุงแผนพัฒนารายบุคคลให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- โครงการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพสูง เพื่อคัดเลือกบุคลากรที่มีผลการปฏิบัติงานดีเยี่ยม และมีศักยภาพในการเติบโตเป็นผู้บริหาร เพื่อส่งเสริมให้พนักงาน ได้รับการพัฒนาตามแผนพัฒนาศักยภาพรายบุคคล เพื่อส่งเสริมโอกาสในการเรียนรู้ และพัฒนาตนเองของพนักงาน ให้พร้อมสำหรับการเติบโตภายในองค์กร ทั้งยังเป็นการรองรับ การขยายตัวของธุรกิจในอนาคต ทั้งนี้จะมีการติดตามความคืบหน้าผลการพัฒนาของบุคลากรที่อยู่ในโครงการร่วมกับผู้บริหารระดับสูงและหัวหน้างานทุกไตรมาส ซึ่งรวมถึงการพิจารณาผลตอบแทน โอกาสก้าวหน้า และความผูกพันของบุคลากรที่มีต่อองค์กร
- ดำเนินการเรื่องการวางแผนผู้สืบทอด สำหรับผู้บริหารระดับสูงในตำแหน่งสำคัญขององค์กรร่วมกับผู้บริหารสูงสุดของสายงาน ในการจัดทำแผนพัฒนา ประกอบด้วย “การวางแผนอาชีพ” (Career Plan) และ “แผนพัฒนาสายอาชีพรายบุคคล” (Individual Career Development Plan) โดยตำแหน่งสำคัญที่มีผู้สืบทอด และกำลังอยู่ในการพัฒนาตามแผนที่กำหนดไว้คิดเป็นร้อยละ 88 ของกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งมีการติดตามความคืบหน้าผลการพัฒนาในทุก ไตรมาส
- สนับสนุนหัวหน้างานด้วยการให้เข้าถึงชุดข้อมูลที่ถูกวิเคราะห์ผ่านระบบ Business Intelligence – BI เช่น ระดับความผูกพันของบุคลากร รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น ข้อมูลแสดงผลตอบแทนของพนักงานที่มีศักยภาพสูง (เพื่อพิจารณาปีละ 2 ครั้ง นอกเหนือจากการปรับเงินเดือนรอบปกติ)
การพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพสูงภายใต้ความร่วมมือในกลุ่มเซ็นทรัล
- โปรแกรมการเรียนรู้เพื่อช่วยเสริมศักยภาพในการบริหารคน
- โปรแกรมการเรียนรู้สำหรับระดับผู้บริหาร เพื่อให้เป็นผู้นำทีมที่มีประสิทธิภาพ ผลักดันทีมให้มีศักยภาพสูงสุด โดยจะได้เรียนรู้แบบ Project-base action learning
- โปรแกรมการเรียนรู้สำหรับทีมผู้บริหารระดับสูงโดยเฉพาะ เช่น ‘EDP - Executive Development Program’ และ ’MDP – Management Development Program’ ซึ่งเป็นโครงการรวมผู้บริหารระดับสูง จนถึงระดับกลางในทุกภาคธุรกิจของกลุ่มเซ็นทรัล จากไทย เวียดนาม และยุโรป ภายใต้ธีม “Becoming Future-Ready Organization” โดยเน้นแผนการเรียนรู้ในเรื่อง การเตรียมพร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจที่จะมาถึง การเรียนรู้ภาวะการเป็นผู้นำ และการเตรียมพร้อมด้านคนเพื่อพัฒนาและรักษาคนเก่งขององค์กร และผู้สืบทอดตำแหน่งต่อไป
การพัฒนาผู้นำ
-
โครงการ ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าฝึกหัด หรือ GM Trainee
ตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้า จัดเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อธุรกิจของบริษัท โดยบุคลากรที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกจะได้รับการพัฒนาความรู้ ความสามารถและทักษะครอบคลุมความรู้เรื่องการบริหารศูนย์การค้า ควบคู่กับการพัฒนาภาวะผู้นํา เน้นรูปแบบการลงมือปฎิบัติหน้างานจริง และมีผู้จัดการทั่วไปประจําสาขาเป็นพี่เลี้ยงสอน ซึ่งริเริ่มโครงการตั้งแต่ ปี 2560 มี GM Trainee เฉลี่ยปีละ 10 คน โดยระหว่างการปฏิบัติงานจริง และอยู่ในช่วงการประเมินผลปฏิบัติงาน จะอยู่ในตำแหน่ง Acting Assistant General Manager
การอบรม และพัฒนาความสามารถของบุคลากร
-
การพัฒนาศักยภาพหัวหน้างาน
People Manager Program เป็นโปรแกรมที่จะช่วยเสริม “ศักยภาพในการบริหารคน” สำหรับหัวหน้างานให้สามารถสร้างความสำเร็จผ่านทีมงานได้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเพิ่มบทบาทการบริหารบุคคลให้กับหัวหน้างาน เป็นการเรียนแบบ Micro-learning ผ่านระบบ CneXt และผ่านระบบ Live
-
การอบรม และเพิ่มทักษะใหม่
แนวทางการพัฒนาบุคลากรเป็น 3 ส่วน คือ 1) การพัฒนาสมรรถนะความสามารถและความรู้เฉพาะฝ่าย (Functional Competency) 2) การพัฒนาภาวะผู้นำ (Leadership Development) และ 3) การพัฒนาบุคลากร ที่มีศักยภาพและผู้สืบทอดตำแหน่ง ด้วยโมเดลการเรียนรู้ 70-20-10 โดยให้พนักงานได้วางแผนการพัฒนาตนเอง และกำหนดเป้าหมายในสายอาชีพบนระบบ CneXt
-
เสริมทักษะและจิตสำนึกด้านความยั่งยืน
เสริมทักษะและจิตสำนึกด้านความยั่งยืน โดยจัดอบรมออนไลน์ E-Learning ในหลักสูตร
- การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน การคำนึงถึงสิทธิมนุษยชน รวมผู้เข้าร่วม 5,393 คน
- การป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) รวมผู้เข้าร่วม 805 คน
- หลักสูตรอบรมด้านความปลอดภัย รวมจำนวนผู้เข้าอบรม 1,724 คน (นับซ้ำคน)
- หลักสูตรอบรมด้านสิ่งแวดล้อม รวมจำนวนผู้เข้าอบรม 275 คน (นับซ้ำคน)
-
โปรแกรม ‘ทุนปริญญาโท
จากการเปิดรับบุคลากรที่สนใจศึกษาต่อในระดับปริญญาโท โดยมุ่งเน้นการให้ทุนในหลักสูตรที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและดิจิทัล และ หลักสูตรที่เกี่ยวเนื่องกับคณะวิทยาศาสตร์ข้อมูล คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะการตลาดดิจิทัล และคณะนวัตกรรมดิจิทัล เป็นต้น ทั้งนี้พนักงานต้องมีอายุงานในบริษัทฯ อย่างน้อย 2 ปี มีผลประเมินการปฏิบัติงานในระดับดีถึงดีมากติดต่อกัน 2 ปี และสามารถจัดสรรเวลาเรียนควบคู่ไปกับการทำงานประจำได้ ปัจจุบัน มีพนักงานที่ได้รับทุนทั้งสิ้น จำนวน 22 คน จบการศึกษาแล้วจำนวน 15 คน และอยู่ระหว่างการศึกษาจำนวน 7 คน ทั้งนี้ในจำนวนของพนักงานที่ได้รับทุนเป็นพนักงานที่จัดอยู่ในกลุ่มที่มีศักยภาพสูง จำนวน 8 คน
การประเมินบุคลากร
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการสร้างความชัดเจนแก่พนักงานเกี่ยวกับทิศทางที่บริษัทฯ ต้องการจะผลักดัน รวมไปถึงสร้างให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างเป้าหมายองค์กรและความต้องการของพนักงาน บริษัทจึงใช้เครื่องมือบริหารเป้าหมายและติดตามผลลัพธ์สำคัญตามวัตถุประสงค์ (OKR- Objectives and Key Results) ในการวัดและประเมินผลงานของพนักงานในทุกระดับ โดยบรรจุกระบวนการประเมินผลการปฏิบัติงานรายบุคลากรดังกล่าวไว้บนระบบ CneXt โดยมีกระบวนการเริ่มต้นตั้งแต่การตั้งเป้าหมาย OKRs ไปจนถึงการพิจารณาการปรับเงินเดือน เพื่อให้การประเมินพนักงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และสร้างความมีส่วนร่วมที่เปิดโอกาสให้มีการหารืออย่างเปิดเผย บริษัทฯ ได้ใช้รูปแบบการประเมินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Management by Objective ซึ่งเป็นการประเมินตามดัชนีชี้วัดที่ได้กำหนดร่วมกับพนักงาน Multidimensional Performance Appraisal ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้มีการประเมินแบบ 360 องศา โดยวิธีนี้เปิดให้พนักงานได้รับฟังความคิดเห็นจากมุมมองต่าง ๆ รวมถึงให้พนักงานสามารถให้ความคิดเห็นหรือข้อเสอนแนะต่อเพื่อร่วมงานและผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีวิธี Team-based performance appraisal ที่มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์และประสิทธิภาพของทีมโดยรวม มากกว่าการประเมินผลงานของแต่ละบุคคลเพียงอย่างเดียว วิธีนี้ช่วยส่งเสริมความร่วมมือ ความรับผิดชอบร่วมกัน และการบรรลุเป้าหมายของทีม และ Agile conversation ซึ่งแนวทางการสื่อสารที่เน้นการให้ข้อเสนอแนะอย่างต่อเนื่อง การพูดคุยแบบเรียลไทม์ และการแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
-
ในขั้นตอนการตั้งเป้าหมาย มีการกำหนด OKR
เริ่มตั้งแต่ระดับองค์กร ระดับหน่วยธุรกิจ ระดับสายงาน ระดับทีม ลงไปจนถึงระดับพนักงานรายบุคคล ซึ่ง OKRs ในแต่ละระดับจะมีความคอดคล้องกัน และโยงไปสู่เป้าหมายในระดับองค์กร นอกจากนี้บริษัทฯ ยังจัดให้มีการเทียบเคียงเป้าหมายในระดับหน่วยธุรกิจและสายงาน เพื่อผลักดันการทำงานและการประสานงานข้ามหน่วยงาน รวมไปถึงการประเมินผลแบบทีม (team-based appraisal) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการผลักดันให้เป้าหมายขององค์กร และสร้างแรงจูงใจให้พนักงานแสดงศักยภาพสูงสุดของตนเอง
-
ในขั้นตอนการติดตามความก้าวหน้าของผลปฏิบัติงานระหว่างปี
บริษัทฯมีการนำกระบวนการพูดคุยการประเมินผลงาน (Performance Conversation) ระหว่างหัวหน้างานและผู้ใต้บังคับบัญชามาใช้ปีละ 2 ครั้ง โดยปรับใช้วิธีการโค้ชและการให้ฟีดแบค (Coaching and Feedback) รวมไปถึงผลจากการประเมิน 360 องศาจากผู้บังคับบัญชาทางอ้อม ผู้ใต้บังคับบัญชา และเพื่อนร่วมงาน เพื่อให้พนักงานทราบถึงสิ่งที่จำเป็นต้องพัฒนาและสิ่งที่ทำได้ดี
-
หลังจากการประเมินผลงานปลายปี
เมื่อหัวหน้างานประเมินผลงานพนักงานของตนเรียบร้อย บริษัทฯ มีการจัดการประชุมเพื่อเทียบเคียงผลการประเมินของพนักงานในระดับหน่วยธุรกิจเดียวกัน (Calibration) เพื่อให้การประเมินผลงานมีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน และสะท้อนถึงผลงานของพนักงานอย่างแท้จริง
-
ในแต่ละขั้นตอนการประเมินผลงานจะถูกจัดทำผ่านระบบ CneXt
เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ อำนวยความสะดวกต่อการวิเคราะห์และตัดสินใจด้านการปรับเงินเดือนและโบนัสอย่างเป็นธรรม รวดเร็ว และมีระบบที่โปร่งใส นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการติดตามและวิเคราะห์ข้อมูลค่าตอบแทนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกกลุ่มได้รับค่าตอบแทนอย่างเท่าเทียม รวมถึงการประเมินความเท่าเทียมด้านค่าจ้างระหว่างเพศเป็นประจำ ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการกำหนดค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและแข่งขันได้ภายใต้วัฒนธรรมการทำงานที่ให้คุณค่ากับความสามารถ ผลงาน และความสำเร็จ โดยปราศจากอคติทางเพศ
การดูแลบุคลากร
บริษัทฯ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการดูแลเอาใจใส่บุคลากรในองค์กร ทั้งนี้เพื่อให้บุคลากรสามารถผ่อนคลายหรือลดแรงกดดันจากการทำงาน ตลอดจนเป็นการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงาน รวมถึงการสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ตอบโจทย์การทำงานในแต่ละวัน
1. แนวปฏิบัติด้านแรงงานและมาตรฐานที่เป็นธรรม
เซ็นทรัลพัฒนาเชื่อมั่นว่า “คน” คือกำลังสำคัญที่ขับเคลื่อนความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ขององค์กร เราจึงมุ่งยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เหนือกว่าข้อกำหนดทางกฎหมาย พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่ยึดมั่นในศักดิ์ศรี ความเป็นธรรม และโอกาสเท่าเทียมสำหรับทุกคน
โครงสร้างค่าตอบแทนของเราถูกออกแบบให้มีความสามารถในการแข่งขันและสอดคล้องกับมาตรฐานตลาด ตามแผนบริหารความเสี่ยงด้านทรัพยากรบุคคล ครอบคลุมสวัสดิการและสิทธิประโยชน์อย่างครบถ้วน ควบคู่กับระบบประเมินผลงานและเลื่อนตำแหน่งที่โปร่งใส ตอบแทนตามความสามารถและความสำเร็จ รวมถึงการกำหนดค่าตอบแทนสำหรับคณะกรรมการและผู้บริหารทุกระดับ ภายใต้หลักความเป็นธรรม โปร่งใส และคำนึงถึงการเติบโตของมูลค่าผู้ถือหุ้นในระยะยาว
เราบริหารจัดการชั่วโมงการทำงาน การทำงานล่วงเวลา และการลาพักผ่อนประจำปีผ่านระบบ CneXt เพื่อให้การจ่ายค่าจ้างถูกต้องตามจริง สอดคล้องกับกฎหมายแรงงาน และสนับสนุนสมดุลชีวิตและการทำงาน พนักงานทุกคนจะได้รับค่าตอบแทนการทำงานล่วงเวลาอย่างถูกต้อง และสามารถใช้สิทธิลาพักผ่อนได้เต็มสิทธิ์เพื่อให้สามารถฟื้นฟูการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
เรายังเปิดช่องทางสื่อสารและรับฟังความคิดเห็นอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการจัดตั้ง ‘คณะกรรมการความปลอดภัยและอาชีวอนามัย’ รวมถึง ‘คณะกรรมการสวัสดิการ’ ทั้งในระดับองค์กรและสาขา ซึ่งมีทั้งผู้แทนนายจ้างและพนักงานที่ได้รับการเลือกตั้งตามกฎหมาย โดยประชุมประจำทุกเดือนเพื่อทบทวนเหตุการณ์ วิเคราะห์สาเหตุ และกำหนดมาตรการป้องกัน สร้างการมีส่วนร่วมและบทสนทนาอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมและเงื่อนไขในการทำงาน ความปลอดภัย และคุณภาพชีวิต เพื่อให้มีตัวแทนของบุคลากรในการร่วมปรึกษาหารือกับองค์กรในการจัดสวัสดิการที่จำเป็น และเป็นสื่อกลางในการถ่ายทอดความต้องการสวัสดิการของบุคลากรให้องค์กรทราบ รวมทั้งร่วมปรึกษาหารือให้ข้อเสนอแนะ ตลอดจนตรวจสอบ ดูแล การจัดสวัสดิการภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึง การให้อิสระภาพในการใช้สิทธิ เพื่อการจัดตั้ง และหรือเข้าร่วมกับสหภาพแรงงาน และเสริภาพในการเจรจาต่อรองตามที่กฎหมายกำหนด
นอกจากนี้ เรายังขยายความคุ้มครองทางสังคมให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น ด้วยการจัดอบรมเสริมสร้างความรู้และทักษะในด้านต่าง ๆ อาทิ การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน สิทธิมนุษยชน การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ความปลอดภัยในการทำงาน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมลงทุนในโครงการพัฒนาทักษะและปรับทักษะใหม่แก่พนักงาน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนแปลงด้านอุตสาหกรรมและสิ่งแวดล้อม
เซ็นทรัลพัฒนามุ่งมั่นพัฒนานโยบายและแนวปฏิบัติด้านแรงงานอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาความเคารพ ความเป็นธรรม และโอกาสเติบโตให้แก่พนักงานทุกคน เพื่อก้าวสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้นทั้งต่อตนเองและสังคมโดยรวม
2. นโยบายในการทำงาน และสวัสดิการในสถานที่ทำงาน
เซ็นทรัลพัฒนาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของพนักงาน โดยยึดหลักความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับตัวให้สอดคล้องกับรูปแบบการทำงานยุคใหม่ บริษัทฯ สนับสนุนรูปแบบการทำงานทั้งแบบรีโมทและแบบผสม (Hybrid Working) อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2562 โดยได้มีการจัดให้มีนโยบาย Work from Home อย่างเป็นทางการ แม้ว่าในปี 2568 บริษัทฯ สนับสนุนให้พนักงานเข้าทำงานในสถานที่ทำงานมากขึ้น เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและความเชื่อมโยงในที่ทำงาน แต่ยังคงเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถยื่นคำร้องขอทำงานจากที่ใดก็ได้ (Work from Anywhere) ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสมและสมเหตุสมผลเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพนักงานทุกคนได้รับการจัดสรรคอมพิวเตอร์พกพา และสามารถใช้แพลตฟอร์ม Microsoft Teams รวมถึงเครื่องมือดิจิทัลอื่น ๆ ในการติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกัน นอกจากนี้ ตั้งแต่ปี 2560 บริษัทฯ ยังนำระบบ Microsoft Office 365 มาใช้เพื่อให้สามารถเข้าถึงระบบงานและข้อมูลผ่านระบบคลาวด์ได้อย่างปลอดภัยและคล่องตัวเพื่อส่งเสริมสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว
บริษัทฯ ได้จัดทำนโยบายการทำงานแบบยืดหยุ่นสำหรับพนักงานสำนักงานใหญ่ โดยสามารถเข้าทำงานได้ระหว่างเวลา 07:30–09:30 น. และออกระหว่าง 17:00–19:00 น. โดยยังคงจำนวนชั่วโมงการทำงานและเวลาพักตามมาตรฐานเดิม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสนับสนุนการทำงานแบบพาร์ทไทม์ในบางตำแหน่งงานและบางช่วงวัย เช่น ผู้เกษียณอายุ และผู้มีภาระในการดูแลครอบครัว เพื่อส่งเสริมการจ้างงานอย่างครอบคลุม
บริษัทฯ มอบสวัสดิการและสิทธิการลาที่ครอบคลุมมากกว่าข้อกำหนดตามกฎหมาย เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตของพนักงานและครอบครัวในทุกช่วงวัย ประกอบด้วย:
สิทธิการลา
- ลาพักร้อน เริ่มต้นที่ 6 วัน และเพิ่มขึ้นตามอายุงาน สูงสุดตามระดับตำแหน่ง
- ลาคลอดบุตร ได้สูงสุด 45 วันตามปฏิทิน
- ลาอุปสมบท ทดแทนการลาคลอดบุตร สำหรับพนักงานชาย สูงสุด 105 วัน เพื่อปฏิบัติศาสนกิจและแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดา
- ลาฌาปนกิจ ได้รับค่าจ้างตามปกติ 7 วัน ในกรณีการสูญเสียบุคคลในครอบครัว
สวัสดิการและสิทธิประโยชน์ทางการเงิน
- สิทธิการรักษาพยาบาลสำหรับพนักงานทุกระดับ
- กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และโครงการร่วมลงทุนระหว่างพนักงานและนายจ้าง (EJIP)
- ทุนการศึกษาระดับปริญญาโท สำหรับพนักงาน (รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ “การพัฒนาบุคลากร”)
- ทุนการศึกษาสำหรับบุตรพนักงาน
- โครงการเบิกเงินเดือนล่วงหน้า (Earned Wage Access – EWA)
- เงินกู้ฉุกเฉินและการเบิกเงินเดือนล่วงหน้า
- ข้อตกลงร่วมกับสถาบันการเงิน (MOU) เพื่อรับสิทธิเงินกู้พิเศษ
- การส่งเสริมความรู้ทางการเงินและประกันชีวิตผ่านสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานกลุ่มเซ็นทรัล
- สิทธิพิเศษสำหรับพนักงาน เช่น โปรโมชั่นในเครือเซ็นทรัล และสิทธิจาก The 1
- สิทธิพิเศษจากร้านค้าภายในศูนย์การค้า เช่น ส่วนลดร้านอาหารเมื่อแสดงบัตรพนักงาน
- สิทธิลาสำหรับการสมรสเท่าเทียม และการสนับสนุนอย่างครอบคลุมสำหรับพนักงานทุกอัตลักษณ์และโครงสร้างครอบครัว
3. สมาร์ทออฟฟิศ
ภายใต้โครงการ “Smart Office” บริษัทฯ มุ่งยกระดับคุณภาพสภาพแวดล้อมในที่ทำงานให้สอดคล้องกับวิถีการทำงานยุคใหม่ โดยเปิดโอกาสให้พนักงานมีส่วนร่วมในการออกแบบพื้นที่ทำงาน รวมถึงการเลือกเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่เหมาะสมกับการใช้งานจริง
บริษัทฯ ดำเนินการตรวจสุขภาพอาชีวอนามัยอย่างต่อเนื่อง ในฐานะส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน อีกทั้งยังขยายขอบเขตการตรวจสอบคุณภาพอากาศภายในอาคารและระดับฝุ่นละอองให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น โดยอ้างอิงมาตรฐานเดียวกับที่ใช้ในศูนย์การค้า เพื่อส่งเสริมสุขภาวะของพนักงานอย่างยั่งยืน มีการออกแบบห้องประชุมให้รองรับการใช้งานอย่างยืดหยุ่น ทั้งในรูปแบบทางการและไม่เป็นทางการ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บูธเก็บเสียง และระบบถ่ายทอดสด เพื่อรองรับการจัดกิจกรรม Townhall และการสื่อสารภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ พนักงานยังสามารถใช้บริการสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในศูนย์การค้าที่บริษัทฯ บริหารจัดการ ไม่ว่าจะเป็นห้องให้นมบุตร ห้องละหมาด และสนามเด็กเล่น ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับชีวิตครอบครัวและตอบสนองความหลากหลายทางวัฒนธรรมของพนักงานในทุกมิติ ตลอดจน สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม อาทิ ส่วนลดสมาชิกฟิตเนส โปรแกรมตรวจสุขภาพเพิ่มเติมสำหรับพนักงานและครอบครัว
ประกันโรคร้ายแรง แพ็กเกจประกันสุขภาพราคาพิเศษสำหรับครอบครัว การช่วยเหลือกรณีบริจาคโลหิตฉุกเฉิน ความคุ้มครองเพิ่มเติมสำหรับอาการออฟฟิศซินโดรม และสุขภาพจิต เป็นต้น
รวมถึง โครงการส่งเสริมสุขภาพกาย (Physical Wellbeing) ได้แก่ การออกกำลังกายในร่ม เช่น ไพล็อกซิ่ง และโยคะ รวมถึงบริการนวดบำบัดโดยผู้พิการทางการมองเห็น
บริษัทฯ ยังมีการประเมินความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement) การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน และการวิเคราะห์ข้อมูลบุคลากรอย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำมาพัฒนานโยบายด้านสวัสดิการให้ตอบโจทย์พนักงานยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีโครงการส่งเสริมการจ้างงานพาร์ทไทม์สำหรับผู้เกษียณ และโครงการนำร่องส่งเสริมการเป็นผู้ประกอบการก่อนเกษียณสำหรับผู้ประกอบการศูนย์อาหารอีกด้วย
ในด้านกิจกรรมความสัมพันธ์พนักงาน บริษัทฯ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมผ่านกิจกรรมกีฬาและสังคม อาทิ การแข่งขันฟุตบอลระหว่างสาขา กีฬาสีประจำกลุ่มเซ็นทรัล กิจกรรม "Friday Playtime" ปาร์ตี้ประจำปี กิจกรรมสร้างทีม และเทศกาลประจำปี เช่น งานสงกรานต์ เพื่อสร้างความผูกพัน และบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร
บริษัทฯ ได้นำความเชื่อทั้ง 4 มาปรับสู่ลักษณะพฤติกรรมของบุคลากรในการทำงานที่ต้องการ ให้บุคลากรแสดงออกอย่างสม่ำเสมอ ผ่านกิจกรรมขับเคลื่อน สื่อสาร ทำความเข้าใจ แสดงให้เห็นด้วยการลงมือทำ และแบ่งปันประสบการณ์ของเพื่อนพนักงานด้วยกันเอง ทั้งจากผู้บริหารระดับสูง ระดับกลาง และระดับปฏิบัติการ อย่างต่อเนื่อง มีการนำประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน เช่นหลักบรรษัทภิบาล การจัดการความเสี่ยง การบริหารจัดการนวัตกรรม การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน และการคำนึงอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มาบูรณาการในแผนงานสร้างวัฒนธรรมองค์กร
ด้านสิทธิมนุษยชน:
บริษัทฯ บูรณาการแผนการจัดการผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนในแผนการสื่อสารองค์กรปี 2566 ภายใต้ชื่อ “RESPECT!” โดยฝ่าย Company Secretary ร่วมกับ People Group มีการสื่อสารแคมเปญผ่านทางอีเมลภายใน Workplace และ Viva Engage ถึงพนักงานเซ็นทรัลพัฒนาและกลุ่มบริษัทในเครือ จำนวน 10 ครั้ง พร้อมจัดงานงาน Corporate Governance Day 2023 (CG Day) ภายใต้หัวข้อ RESPECT เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2566 ถึงพนักงานทั่วประเทศ มีผู้เข้าร่วมงาน 840 คน
ด้านการจัดการความเสี่ยง:
เพื่อเปลี่ยนสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล (Digital Organization) บริษัทฯ ได้นำระบบเทคโนโลยีบริหารและจัดการงานบุคคล CneXt มาใช้ในการบริหารจัดการงานบุคคล โดย CneXt สามารถอำนวยความสะดวกในทุกประสบการณ์ของพนักงานในการบริหารจัดการงานบุคคล แบบ real time ได้ทุกที่ ทุกเวลา ทุกอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และพกพา ครอบคลุมงานตั้งแต่การสรรหา การต้อนรับพนักงานใหม่ การโค้ชและให้ข้อมูลป้อนกลับผู้ใต้บังคับบัญชา การจัดการเวลาทำงาน การเบิกจ่ายสวัสดิการ การมองหางานเพื่อหมุนเวียนภายในองค์กร การตั้งเป้าหมาย ประเมินและวัดผล การจัดทำแผนพัฒนาส่วนบุคคล การวางแผนผู้สืบทอด การอบรมคอร์สออนไลน์ รวมไปถึงการลาออก
ด้านความปลอดภัย:
บริษัทฯ นำมาตรฐาน ISO 45001 มาประยุกต์ใช้ในการบันทึกข้อมูล กำหนดให้มีการแจ้งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเกิดกับลูกค้า พนักงานร้านค้า พนักงานรับเหมาช่วง รวมถึงพนักงานของบริษัทฯ ในระบบ Smart Property เพื่อแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการต่ออุบัติเหตุนั้นอย่างทันที ทำการบันทึกสถิติการเกิดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น การแก้ไข และการเยียวยา เพื่อสอบสวน ติดตาม แก้ไข และป้องกันมิให้เกิดเหตุดังกล่าวอีกในอนาคต บริษัทฯ ได้จัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) ทั้งในระดับองค์กรและในระดับสาขา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อผลักดันนโยบายและแผนงานด้านความปลอดภัยในการทำงาน เพื่อป้องกันและลดการเกิดอุบัติเหตุ การประสบอันตราย การเจ็บป่วย การเกิดเหตุเดือดร้อนรำคาญอันเนื่องจากการทำงาน หรือความไม่ปลอดภัยในการทำงานเสนอต่อนายจ้าง ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานร่วมเป็นคณะกรรมการฯ ทั้งสิ้นจำนวน 367 คน แยกเป็นตัวแทนนายจ้างจำนวน 159 คน และเป็นตัวแทนลูกจ้างจำนวน 210 คน คิดเป็นร้อยละ 7 ของพนักงานทั้งหมด (ไม่รวมพนักงานสัญญาจ้าง) มีผู้บริหารระดับสูงเป็นประธานคณะกรรมการความปลอดภัยส่วนกลาง ดูแลภาพรวมในเรื่องดังกล่าว และกำหนดผู้จัดการศูนย์การค้าเป็นประธานคณะกรรมการฯ ในระดับปฏิบัติการ รายงานสถิติดังกล่าวรวมในการรายงานอุบัติการต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการนโยบายความเสี่ยงในทุกไตรมาส
ด้านความผูกพันองค์กร:
บริษัทฯ ประเมินความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร หรือ “CG Voice” ปีละ 2 ครั้ง ตามกรอบการประเมินความผูกพันของพนักงานสู่การเป็นองค์กรในหัวใจพนักงาน (Employer of Choice) ของบริษัทคินเซนทริค ประกอบด้วย
ความพึงพอใจและยึดมั่นในองค์กร
ประสบการณ์ทำงาน
วัฒนธรรมองค์กร
ความสุขและการจัดการความเครียด
หัวหน้างาน
คุณค่าและเป้าหมายในการทำงาน
โดยผลการประเมินความผูกพันและปัจจัยที่ส่งผลต่อคะแนนความผูกพันจะถูกนำไปวิเคราะห์ และพัฒนาแผนงานยกระดับความผูกพันของบุคลากร กำหนดโดยทีมบริหารจัดการของแต่ละหน่วยงาน และบรรจุเป็นเป้าหมาย OKR สำหรับหัวหน้างานที่มีผู้ใต้บังคับบัญชา
มุ่งสู่การเป็นองค์กรแห่งอนาคต
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เชื่อว่าการลงทุนในการพัฒนาบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความสามารถในการแข่งขันขององค์กรและส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน การดำเนินโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความผูกพันของพนักงานอย่างต่อเนื่อง ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และสามารถเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ ได้อย่างมั่นคง