กระบวนการกำหนดประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

บริษัทฯ กำหนดกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจโดยการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจเพื่อดูแลการใช้ชีวิตแบบ 360 องศา สำหรับทุกกลุ่ม เพื่อสร้างพื้นที่แห่งอนาคตที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน “The Place Making for Sustainable Future” ที่ตอบสนองต่อความต้องการและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น โดยบูรณาการการดำเนินงานตามหลัก ESG (Environment, Social and Governance) ในมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติเศรษฐกิจและบรรษัทภิบาล ตลอดการดำเนินธุรกิจในห่วงโซ่คุณค่าภายใต้แนวทางการขับเคลื่อนเพื่อความยั่งยืนของบริษัทฯ

1
เข้าใจและระบุประเด็น ด้านความยั่งยืน
2
วิเคราะห์ ประเมิน และจัดลำดับความสำคัญของผลกระทบ
3
ทวนสอบ เปิดเผยข้อมูล และขอรับรอง
1
เข้าใจและระบุประเด็นด้านความยั่งยืน
  • ศึกษาบริบทด้านความยั่งยืนและธุุรกิจขององค์กรให้สอดคล้องกับ (1) บริบทที่ใช้ในการกำหนดกลยุทธ์องค์กร (2) ประเด็นความเสี่ยงองค์กร และ (3) ระบบการบริหารจัดการองค์กร

  • วิเคราะห์กิจกรรมในห่วงโซ่คุุณค่ากับกลุ่มธุรกิจในระบบนิเวศเชิงธุรกิจ และวิเคราะห์ความเชื่อมโยงของห่วงโซ่คุุณค่าที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียหลักของบริษัทฯ อันได้แก่ ลูกค้า ร้านค้า คู่ค้า พนักงาน ชุมชน ภาครัฐ เจ้าหนี้ และผู้ถือหุ้น

  • ระบุประเด็นความยั่งยืนแบ่งออกเป็นประเด็นย่อยและประเด็นใหญ่ด้วยวิธีการ top-down จากกระบวนการกำหนดกลยุทธ์องค์กร และ bottom-up จากกระบวนการรับฟังเสียงและการมีส่วนร่วมจากผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ ซึ่งมีการทบทวนทุกปีตามกระบวนกำหนดกลยุทธ์องค์กรและกระบวนการกำหนดประเด็นความเสี่ยงองค์กร

  • เพิ่มเติมประเด็นให้สอดคล้องกับแนวโน้มด้านความยั่งยืนระดับโลกที่เกี่ยวข้องกับธุุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างอิงตามกรอบการพัฒนาความยั่งยืนระดับสากล อาทิ

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals: SDGs)
UN Global Compact
Global Reporting Initiative (GRI) Standards 2021
มาตรฐาน AA1000 Account Ability Principles: AA1000AP (2018)
การประเมินดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ดัชนี FTSE4GOOD ดัชนี MSCI องค์กร CDP GRESB และ SET ESG Rating
2
วิเคราะห์ ประเมิน และจัดลำดับความสำคัญของผลกระทบ
  • ประเมินประเด็นความยั่งยืนตามวิธีการ Double materiality ด้วยการกำหนดผลกระทบ (Impact) ความเสี่ยง (Risk) และโอกาส (Opportunity) หรือ IRO ของแต่ละประเด็น แนวทาง Double Materiality ที่บริษัทฯ นำมาใช้ ไม่เพียงช่วยให้สามารถระบุประเด็นที่มีผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียเท่านั้น แต่ยังช่วยให้สามารถคาดการณ์ความเสี่ยงและโอกาสที่มีผลกระทบต่อธุรกิจอย่างรอบด้าน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของมาตรฐานสากล เช่น IFRS S1/S2 และ CSRD โดยผลการประเมินดังกล่าว ได้ถูกบูรณาการเข้าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์องค์กร แผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืน และการบริหารความเสี่ยงในระดับองค์กรอย่างเป็นระบบ

  • ระบุุประเด็นด้านความยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ โดยการวิเคราะห์ผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบของประเด็นดังกล่าวที่เกิดขึ้นจริงหรืออาจเกิดขึ้นต่อผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ หรือ Impact materiality จากการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก รวมไปถึงการรวบรวมข้อมูลจากผู้มีส่วนได้เสียจากช่องทางอื่น ๆ ที่สำคัญ อาทิ ผลจากแบบสำรวจประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนทางธุรกิจ จากการประชุมสัมภาษณ์จากผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง และข้อมูลที่ได้จากหน่วยงานที่รับผิดชอบกับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียโดยอ้อม

    • ประเมินผลกระทบเชิงลบ จากการวิเคราะห์ความรุนแรงของผลกระทบ (Severity) ซึ่งประกอบด้วย ขนาด (Scale) ขอบเขต (Scope) และความยากต่อการเยียวยาฟื้นฟูู (Irremediable) ของผลกระทบจากประเด็นนั้น ๆ ต่อผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม

    • ประเมินผลกระทบเชิงบวก จากการวิเคราะห์ ขนาด (Scale) ขอบเขต (Scope) และความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลกระทบเชิงบวกจากประเด็นนั้น ๆ (Likelihood) ต่อผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม

  • ระบุประเด็นความยั่งยืนที่เป็นโอกาสและความเสี่ยงต่อมูลค่าองค์กร (Company’s enterprise value) หรือ Financial materiality ในปัจจุบันและอนาคต จากการประเมินทางด้านการเงิน ด้านการดำเนินงานขององค์กร และด้านความเสี่ยงองค์กร ให้สอดคล้องตามกรอบ COSO Enterprise Risk Management 2017 (COSO ERM 2017) UN Guiding Principles on Business and Human Rights และมาตรฐานสากลด้านสิทธิมนุุษยชน โดยบริษัทฯ ได้บููรณาการกระบวนการวิเคราะห์เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการวิเคราะห์และจัดการความเสี่ยงองค์กร

    • ประเมินมูลค่าของผลกระทบทางด้านการเงินที่มีต่อต้นทุน ค่าใช้จ่าย และรายได้ของบริษัทฯ ในระยะสั้น กลาง และยาว

    • ประเมินขนาดของผลกระทบต่อมูลค่าองค์กรในด้านความสามารถในการแข่งขัน ชื่อเสียง การดำเนินการ และกำลังคน

    • ประเมินความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลกระทบจากประเด็นนั้น ๆ (Likelihood)

    • นำแนวทาง Business for Societal Impact (B4SI) มาปรับใช้ในการวัดและแสดงผลกระทบทางสังคมอย่างเป็นรูปธรรม โดยบูรณาการร่วมกับวิธีการประเมินฯ ที่กำหนดขึ้นภายในบริษัทฯ

เกณฑ์การประเมินผลกระทบ และ IRO

ระดับ ต่ำมาก ต่ำ ปานกลาง สูง สูงมาก
การประเมินผลกระทบเชิงบวกและเชิงลบต่อผู้มีส่วนได้เสียที่สำคัญ (Impact materiality)
ขนาดของผลกระทบ ระยะสั้น ภายใน 1 ปี ระยะกลาง ภายใน 2-5 ปี ระยะยาวมากกว่า 5 ปีขึ้นไป
ขอบเขตของผลกระทบ
มิติสิ่งแวดล้อม สัดส่วนน้อยกว่าร้อยละ 1 ของทั้งหมด สัดส่วนมากกว่าร้อยละ 75 ของทั้งหมด
มิติสังคม รายบุคคล ทุกกลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย
ความเป็นไปได้ในการเกิด /
ความยากในการฟื้นฟู
เกิดขึ้นได้ยาก / นาน ๆ ครั้ง ใช้เวลาน้อยกว่า 1 เดือน เกิดขึ้นได้ง่าย / ถ้าเกิดได้ใช้เวลามากกว่า 5 ปีขึ้นไป
การประเมินโอกาสและความเสี่ยงของผลกระทบที่มีต่อมูลค่าของบริษัทฯ (Financial Materiality)
มูลค่าของผลกระทบทางด้านการเงิน ไม่เกินร้อยละ 3 เทียบกับรายได้ของธุรกิจ > 3%
ระยะสั้น ภายใน 1 ปี ระยะกลาง ภายใน 2-5 ปี ระยะยาว มากกว่า 5 ปีขึ้นไป
ขนาดของผลกระทบต่อมูลค่าองค์กรในด้านความสามารถในการแข่งขัน ด้านชื่อเสียง ด้านการดำเนินการ และด้านกำลังคน กระทบด้านใดด้านหนึ่ง กระทบมากกว่า 1 ด้าน กระทบทุกด้าน
ความเป็นไปได้ที่จะเกิดผลกระทบ โอกาสเกิดไม่เกินร้อยละ 50 โอกาสเกิดมากกว่าร้อยละ 50
  • ประเมินและจัดลำดับความสำคัญของประเด็นด้านความยั่งยืน โดยนำไปปรับใช้กับการกำหนดกลยุทธ์ด้านความยั่งยืนและกลยุทธ์องค์กร ด้วยวิธีการประเมินแบบ Double Materiality ซึ่งอ้างอิงจาก

    • Global Reporting Initiative (GRI) Standards 2021

    • Task Force on Climate-related Financial Disclosures (TCFD)

    • International Financial Reporting Standards (IFRS) under the development International Sustainability Standards Board (ISSB) และ International Accounting Standards Board (IASB)

    • International Financial Reporting Standards (IFRS) ภายใต้การพัฒนาของ International Sustainability Standards Board (ISSB) และ International Accounting Standards Board (IASB)

    • ระเบียบว่าด้วยการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในภาคเอกชนของสหภาพยุโรป หรือ Corporate Sustainability Reporting Directive (CSRD) และแนวทางการประเมินประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปจาก European Public Real Estate Association (EPRA) ซึ่งสอดคล้องตามชุดมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนแห่งยุโรป (European Sustainability Reporting Standards: ESRS) ซึ่งพัฒนาโดยคณะที่ปรึกษาการรายงานข้อมูลทางการเงินแห่งยุโรป (European Financial Reporting Advisory Group: EFRAG)

    • และมาตรฐานตัวชี้วัดความยั่งยืนอื่น ๆ

  • นำประเด็นสำคัญที่ได้มาพัฒนาแผนกลยุทธ์องค์กร แผนการบริหารความเสี่ยง และแผนกลยุทธ์ด้านความยั่งยืน กำหนดแผนงานและตัวชี้วัดผลปฏิบัติงานด้านความยั่งยืนในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ให้สอดคล้องกับเป้าประสงค์และดัชนีชี้วัดองค์กร ขับเคลื่อนและติดตามผลการปฏิบัติงานผ่านกระบวนการติดตามแต่ละแผนงานนั้น ๆ และกำหนดเป็นเกณฑ์ที่ใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานและผลตอบแทนทั้งในรูปเงินเดือน โบนัส และผลประโยชน์อื่น ๆ ของประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ผู้บริหารระดับสูง และถ่ายทอดสู่พนักงานตามลำดับชั้น และตามความรับผิดชอบของงาน

3
ทวนสอบ เปิดเผยข้อมูล และขอรับรอง
  • ประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญที่ได้จากกระบวนข้างต้นจะถูกทวนสอบโดยคณะทำงานข้ามสายงานที่ดูแลเรื่องการเปิดเผยข้อมูล ก่อนนำเสนอเพื่อผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและความยั่งยืน คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการบริหารตามลำดับขั้น จากนั้นจะนำมารายงานและเปิดเผยข้อมูลตามแนวทางการรายงานขององค์กรความร่วมมือว่าด้วยการรายงานสากลด้านความยั่งยืน (GRI) และการรายงานตามแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี/รายงานประจำปี (แบบ 56-1 One Report) บนเว็บไซต์ของบริษัท โดยในปี 2567 มีการอ้างอิงตามกรอบ IFRS บางส่วนเพิ่มเติม

  • บริษัทฯ ได้รับการตรวจสอบ และรับรองกระบวนการมีส่วนร่วมและการประเมินประเด็นสําคัญด้านความยั่งยืนข้างต้นจากหน่วยงานอิสระภายนอก ซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการประเมินฯ ตามแนวทาง AA1000AS v3 ดังรายงานบนเว็บไซต์

ผลจากกระบวนการประเมินประเด็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืน ถูกนำไปใช้เป็นข้อมูลพื้นฐานในการกำหนดกลยุทธ์ขององค์กร แผนปฏิบัติการด้านความยั่งยืน และแผนบริหารความเสี่ยง โดยมีการเชื่อมโยงกับกลยุทธ์หลักด้านความยั่งยืนของบริษัท ได้แก่ Better People, Better Planet และ Strong Governance เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานสามารถตอบสนองต่อประเด็นที่มีความสำคัญสูงสุดอย่างเป็นรูปธรรม

ประเด็นสำคัญสูงสุดที่ได้รับการประเมินในปี 2567 จำนวน 6 ประเด็น ได้ถูกจัดลำดับให้เป็น ตัวชี้วัดหลักขององค์กร (Key Sustainability KPIs) รวมทั้งสิ้น 8 ตัวชี้วัด และถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของเกณฑ์การประเมินผลการดำเนินงานของฝ่ายบริหาร

บริษัทฯ ได้จัดให้มีกระบวนการติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องผ่านกลไกการบริหารจัดการที่กำกับโดยคณะกรรมการบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมีหน้าที่พิจารณาและให้ข้อเสนอแนะอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเสริมความมั่นใจว่าการจัดการประเด็นความยั่งยืนมีประสิทธิภาพและสามารถสร้างมูลค่าให้กับองค์กรในระยะยาว

ประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญปี 2567

บริษัทฯ นำผลลัพธ์ที่ได้จากกระบวนการประเมินประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญในปี 2567 มาทวนกลับกับประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญเดิม โดยได้เพิ่มเติมบางประเด็นย่อยให้ครอบคลุมตามความหวังของแต่ละกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียและได้พิจารณาจัดกลุ่มในหมวดสิ่งแวดล้อมใหม่ โดยจำแนกประเด็นการบริหารจัดการทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมออกเป็นการจัดการพลังงาน น้ำและความหลากหลายทางชีวภาพ และรวมประเด็นการจัดการขยะ ของเสีย มลพิษ ไว้กับประเด็นเศรษฐกิจหมุนเวียนซึ่งเป็นประเด็นใหม่ ส่งผลให้ประเด็นความยั่งยืนที่สำคัญของบริษัทในปี 2567 มี 13 ประเด็น ภายหลังการจัดลำดับความสำคัญบริษัทฯ สามารถแยกเป็นประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญสูงสุด 6 ประเด็น กำหนดเป็นตัวชี้วัดองค์กร 6 ตัวชี้วัด ดังแสดงในตารางแสดงผลการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นด้านความยั่งยืนปี 2567 และรายงานในหัวข้อ การขับเคลื่อนประเด็นด้านความยั่งยืนที่สำคัญ

แสดงผลการจัดลำดับความสำคัญของประเด็นด้านความยั่งยืนปี 2567 ตามแนวทาง Double Materiality

E1
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
E2
การจัดการพลังงาน น้ำ และความหลากหลายทางชีวภาพ
E3
การจัดการขยะ ของเสีย มลพิษ และเศรษฐกิจหมุนเวียน
คุณภาพและความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์/บริการและการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
การบริหารจัดการร้านค้า
การบริหารจัดการและพัฒนาบุคลากร
การคำนึงถึงความปลอดภัย และอาชีวอนามัย
การดูแลและพัฒนาชุมชนให้เติบโตอย่างยั่งยืน
การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชน
G1
การกำกับดูแลกิจการ และการบริหารความเสี่ยง
G2
การบริหารจัดการนวัตกรรม
G3
ความปลอดภัยระบบสารสนเทศ ความมั่นคงทางไซเบอร์ และการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล
G4
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน