เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
18.5%
ของพนักงานทั้งหมด ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากผลลัพธ์ของการทําโครงการ Power of Dream คิดเป็น 3 เท่า ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการและมีจํานวนพนักงานเข้าร่วมโครงการ!
เป้าหมาย
ผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากผลลัพธ์ของการทําโครงการ Power of Dream คิดเป็น 3 เท่า ของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการ

ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งมาพร้อมทั้งความท้าทายและโอกาสในการบริหารจัดการนวัตกรรม บริษัทฯ ต้องติดตามและปรับตัวให้ทันกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงบูรณาการนวัตกรรมเข้าสู่ทุกกระบวนการทางธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกัน การสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนานวัตกรรมและการบริหารความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่านวัตกรรมสามารถตอบสนองความต้องการของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่หลากหลาย และนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

ในขณะเดียวกัน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มองเห็นโอกาสในการใช้เทคโนโลยีเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และลดต้นทุน พร้อมทั้งสร้างแนวทางใหม่ในการพัฒนาโมเดลธุรกิจที่ตอบโจทย์ตลาดในอนาคต นอกจากนี้ นวัตกรรมยังช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน โดยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและตอบโจทย์ประเด็นทางสังคม การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงลึกจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้บริษัทฯ สามารถพัฒนาโซลูชันที่มีประสิทธิภาพ รองรับแนวโน้มตลาด และสร้างคุณค่าในระยะยาวได้อย่างต่อเนื่อง

นวัตกรรมยังช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ควบคู่ไปกับการสนับสนุนแนวปฏิบัติด้านความยั่งยืน

แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นในการบริหารจัดการนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ โดยผสานนวัตกรรมเข้ากับทุกกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่าทางธุรกิจ ทั้งในด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ การปรับปรุงกระบวนการภายใน และการเสริมสร้างความร่วมมือกับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ เป้าหมายของบริษัทฯ คือการยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโต แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความแตกต่างทางการแข่งขัน และช่วยให้บริษัทฯ สามารถปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค

นวัตกรรมที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมที่มุ่งเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลาง โดยใช้ข้อมูลเชิงลึกและความคิดเห็นของลูกค้าเป็นแนวทางหลักในการปรับปรุงและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ตรงกับความต้องการอย่างแท้จริง บริษัทฯ ดำเนินการรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ความคิดเห็น และศึกษาปัญหาหรือความท้าทายที่ลูกค้าพบเจอ เพื่อนำมาออกแบบบริการที่สามารถตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ กระบวนการปรับปรุงและพัฒนานี้ใช้แนวคิด Kaizen และ PDCA (Plan-Do-Check-Act) ซึ่งเป็นแนวทางที่ช่วยให้สามารถปรับปรุงกระบวนการได้อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นไปที่การลดข้อผิดพลาด เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าและผู้ใช้บริการ การดำเนินงานตามแนวทางนี้ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นให้กับลูกค้าในทุกจุดสัมผัส รวมถึงช่วยให้สามารถนำเสนอบริการที่มีความยืดหยุ่นและตอบโจทย์พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

โครงการนวัตกรรมภายในองค์กร

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) สนับสนุนการสร้างสรรค์นวัตกรรมจากภายในองค์กร โดยกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการนำเสนอแนวคิดและแนวทางใหม่ ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และปรับปรุงกระบวนการทำงาน ผ่านโครงการ "Power of Dream" ซึ่งเปิดโอกาสให้พนักงานจากทุกระดับสามารถนำเสนอแนวคิดนวัตกรรมที่สามารถนำไปพัฒนาและประยุกต์ใช้ได้จริง

นอกจากนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังดำเนินโครงการ Dream Team และ Dream Big เพื่อเป็นเวทีให้พนักงานได้แสดงศักยภาพในการคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดความซับซ้อนของกระบวนการ และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม การมีส่วนร่วมของพนักงานในโครงการเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่การพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการใหม่ ๆ เท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างวัฒนธรรมแห่งนวัตกรรมที่แข็งแกร่งภายในองค์กร ทำให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการแข่งขัน และสามารถนำเสนอแนวทางที่สร้างความแตกต่างในตลาดได้อย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการขับเคลื่อนธุรกิจ โดยพัฒนาแพลตฟอร์มและโซลูชันดิจิทัลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน และยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า ผู้เช่า และคู่ค้า ตัวอย่างสำคัญของนวัตกรรมในด้านนี้ ได้แก่ Central Offices และ Central Pattana SERVE ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้เช่าสามารถตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เช่า จัดการธุรกรรมออนไลน์ และเข้าถึงบริการที่จำเป็นได้อย่างสะดวก

นอกจากนี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังมุ่งเน้นการเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล รวมถึงการพัฒนา Big Data Analytics เพื่อให้สามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความซับซ้อนและนำไปใช้ประโยชน์ในการปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ การพัฒนาในด้านนี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถสร้างสรรค์โซลูชันที่สามารถคาดการณ์แนวโน้มของตลาดได้ล่วงหน้า และตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล

บริษัทฯ นำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชัน และการทำตลาดแบบ Omnichannel เพื่อตอบสนองผู้มีส่วนได้เสียที่เป็นสำคัญ ได้แก่ ลูกค้า ร้านค้า คู่ค้า และพนักงาน ให้เกิดประโยชน์ในเชิงธุรกิจยิ่งขึ้น สร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้น และอำนวยความสะดวกให้คล่องตัวมากขึ้น อีกทั้งนำมาจัดการโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลสารสนเทศและการวิเคราะห์ข้อมูลบิ๊กดาต้าให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ดังนี้

กลุ่มผู้มีส่วนได้เสีย
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ผลสัมฤทธิ์
  • Central Life X คือ แอปพลิเคชันที่รวบรวมทุกข่าวสารและกิจกรรมอีเว้นท์ โปรโมชัน และสิทธิพิเศษมากมาย https://bit.ly/3Doqd3V
  • จำนวนผู้ใช้แอปพลิเคชัน ทั้งหมด 530,000 คน
  • จำนวนผู้ใช้ที่มีความเคลื่อนไหวต่อเดือน (Monthly Active Users) 100,000 คน
  • จำนวนผู้ใช้ที่มีความเคลื่อนไหวต่อวัน (Daily Active Users) 8,000 คน
  • @centralLife บนแอปพลิเคชันไลน์ เพื่อสื่อสารและเชื่อมต่อกับลูกค้าแบบ one-on-one เลือกตามโลเคชันสาขาที่ลูกค้าใช้บริการ
  • จำนวนเพื่อนในไลน์ OA กว่า 4.1 ล้านคน
  • ระบบ Cashless Payment Parking ชำระค่าที่จอดรถแบบดิจิตอลไร้สัมผัส โดยลูกค้าสามารถชำระค่าจอดรถผ่านจุดบริการ Kiosk e-Payment ได้ด้วยตนเอง ให้บริการในศูนย์การค้า 10 แห่ง
  • ลดระยะเวลาในการต่อคิวชำระเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อลูกค้ากว่า 23 ล้านคันต่อปี ส่งผลให้การจราจรภายในคล่องตัวขึ้น

ใช้บริการอาคารออฟฟิศ

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ผลสัมฤทธิ์
  • ระบบ Access Control ผ่านบัตร QR Code และ Face Scan บน centralwOrld Offices Application สร้าง Customer Experience ที่ประทับใจ และเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้อาคาร เนื่องจากมีระบบเก็บข้อมูลและยืนยันตัวตนของผู้ติดต่อใช้บริการอาคารสำนักงาน
  • ลดคิวการแลก-คืนบัตร สำหรับผู้ติดต่อใช้บริการอาคารสำนักงาน

ลูกบ้าน

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ผลสัมฤทธิ์
  • ระบบ Residents Application เพิ่มช่องทางในการติดต่อสื่อสารให้ลูกบ้านเชื่อมต่อกับผู้บริหารโครงการได้อย่างใกล้ชิด รวมถึงประโยชน์ในด้านการฝากขาย หรือฝากเช่าห้องชุด
  • อำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านใน 42 โครงการ ครอบคลุมกว่า 5,080 ผู้ใช้งาน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบ ช่วยลดความผิดพลาดในการติดต่อสื่อสาร

ร้านค้า

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ผลสัมฤทธิ์
  • Central Pattana SERVE คือ แอปพลิเคชัน One Stop Service สำหรับผู้เช่าพื้นที่ภายในศูนย์การค้าเซ็นทรัลพัฒนา ให้บริการในการทำธุรกรรมต่าง ได้แก่ การตรวจสอบข้อมูลการเช่า ชำระเงินออนไลน์ ขอใบแจ้งหนี้ใบเสร็จ ใบกำกับภาษี บันทึกยอดขาย สะสมยอดซื้อให้กับลูกค้า และการแจ้งซ่อม
    • เพิ่มบริการ แจ้งซ่อมออนไลน์, บันทึกยอดขาย, และจัดเก็บเอกสารภาษีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มความสะดวก ลดกระบวนการที่ซ้ำซ้อน และเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินธุรกรรม
  • อำนวยความสะดวกให้ร้านค้าที่สมัครใช้แอปพลิเคชันแล้ว จำนวน 3,433 ราย จากเป้าหมาย 5,000 รายในปี 2567
  • คะแนนความพึงพอใจจากร้านค้า และ คะแนนที่อยากแนะนำบอกต่อเพิ่มขึ้นในระดับที่พึงพอใจ และจำนวนร้านค้าที่เข้าร่วมเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 เทียบกับปี 2565
  • ผลสัมฤทธิ์ของการใช้งานระบบ Central Pattana SERVE ส่งผลให้ร้านค้า ตอบรับเข้าร่วมคิดเป็นร้อยละ 88 ของจำนวนผู้เช่าร้านค้าทั้งหมด
  • การทำธุรกรรมทางการเงินผ่านระบบอิเล็กโทรนิกส์ เพื่อลดขั้นตอน ลดเวลา และสามารถดำเนินการได้ง่าย รวดเร็ว โดยการนำส่ง ใบกำกับภาษี และใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านช่องทางอีเมล
  • มีร้านค้าตอบรับเข้าร่วมคิดเป็นร้อยละ 88 ของจำนวนผู้เช่าร้านค้าทั้งหมด

คู่ค้า

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ผลสัมฤทธิ์
  • แอปพลิเคชัน ‘Vendor Portal’ โซลูชันด้าน Procure-to-Pay เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของระบบบริหารจัดการคู่ค้าทางธุรกิจแบบดิจิทัล ด้วยกลไกการเชื่อมโยงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างแบบอัตโนมัติ คู่ค้าสามารถตรวจสอบสถานะการจัดซื้อจัดจ้างได้ด้วยตนเอง เช่น การออกใบสั่งซื้อ การวางบิล การจ่ายเงิน
  • ส่งผลให้การทำธุรกรรมสะดวกขึ้น ลดขั้นตอน และระยะเวลา มีการจัดเก็บข้อมูลเป็นระบบ และเพิ่มความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างมากขึ้น
  • ลดปริมาณการใช้กระดาษลงได้มากกว่า 10,000 ชิ้น จากการเปิดใช้งาน 3 เดือน
  • ระบบ Payment Request สำหรับงานจ้างเหมา และ ตรวจรับวัสดุ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการตรวจรับงานให้กับคู่ค้า (Development)
  • ลดความเสี่ยงจากการเกิดเอกสารสูญหายระหว่างจัดส่งเอกสารจากไซต์งานมาที่สำนักงาน ลดขั้นตอนในการคีย์ข้อมูลแบบ Manual ทำให้ลดโอกาสในการเกิดความผิดพลาด และลดกระบวนการทำงานที่ซ้ำซ้อน ทำให้มีการตรวจสอบติดตาม และจ่ายเงินคู่ค้าผู้รับเหมาได้เร็วขึ้น

พนักงาน

นวัตกรรมทางเทคโนโลยีดิจิทัล ผลสัมฤทธิ์
  • E-Card Web-Application ใน ไลน์ @centralife อำนวยความสะดวกเฉพาะพนักงานบริษัทฯ เท่านั้น โดยเพิ่มช่องทางการเติมเงินผ่าน E- Wallets สำหรับการชำระเงินในศูนย์อาหารภายใต้การบริหารงานของเซ็นทรัลพัฒนา ซึ่งพนักงานสามารถดำเนินการด้วยตนเอง ตอบโจทย์พนักงานที่ใช้บริการเป็นประจำ ลดการสูญหาย และช่วยลดคิวแลกบัตรสำหรับลูกค้าทั่วไป
  • พนักงานเข้าใช้บริการแล้วกว่าร้อยละ 50 ของพนักงานทั้งหมด มียอดใช้จ่ายกว่า 82,000 รายการ ในช่วง 5 เดือนหลังเปิดให้บริการ
  • ระบบ ‘Procurement Plus’ เป็นการพัฒนาระบบการสั่งซื้อใหม่ทดแทนระบบเดิม ช่วยให้การสั่งซื้อตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานมากขึ้น เนื่องจากสามารถค้นหารายการสินค้าโดยระบุคุณสมบัติได้ด้วยตนเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาหน่วยงานจัดซื้อ
  • เพิ่มประสิทธิภาพในการสั่งซื้อได้ร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับระบบเดิม จากเป้าหมายที่ร้อยละ 90
  • โครงการ Front-Operation Implementation & Transformation (Project FIT) ได้นำระบบ Salesforce™ เข้ามาช่วยในกระบวนการวางแผนการขายและให้เช่าพื้นที่ การจัดการบัญชีลูกค้า การบริหารจัดการพื้นที่ การให้ส่วนลด และการวางแผนรายได้ของศูนย์การค้า นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบ Smart Property เพื่อช่วยบริหารจัดการด้านอาคารสถานที่และงานซ่อมบำรุงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • ทดแทนกระบวนการทำงานแบบ Manual ในแผนกที่เกี่ยวข้องมากกว่า 240 สัญญา และลดการจัดทำเอกสารนอกระบบไปแล้วประมาณ 700 ฉบับ
  • ลดระยะเวลาดำเนินการและขั้นตอนในการดำเนินการและการขออนุมัติ
  • เพิ่มการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อช่วยให้พนักงานและผู้บริหารสามารถวางแผนและตัดสินใจได้อย่างมีมีประสิทธิภาพ
นวัตกรรมที่เกิดจากหน่วยงานภายในองค์กร หรือโครงการ Power of Dream

โครงการ Power of Dream คือ โครงการที่นำ 4 ความเชื่อของบริษัทฯ โดยเฉพาะความเชื่อ ‘พัฒนาสิ่งใหม่อย่างไม่หยุดนิ่ง’ มาดำเนินการให้เกิดขึ้นจริงเป็นวัฒนธรรมองค์กร โดยส่งเสริมให้พนักงานมีส่วนร่วมในการพัฒนาสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ รวมทั้งปรับปรุงคุณภาพและยกระดับมาตรฐานการทำงานอย่างต่อเนื่อง สร้างบรรยากาศแห่งการแลกเปลี่ยน และการแบ่งปันความรู้ให้เกิดขึ้นในองค์กรซึ่งจัดต่อเนื่องทุกปี

นวัตกรรมที่เกิดจากความร่วมมือกับคู่ค้าหรือหน่วยงานภายนอก

บริษัทฯ นำผลจากการรับฟังเสียงผู้มีส่วนได้เสียหลักมาวิเคราะห์ร่วมกับคู่ค้าในการปรับปรุง พัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และกระบวนการ เพื่อแก้ไขและนำเสนอสิ่งใหม่ ๆ ให้กับกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียนั้น ๆ โดยใช้วิธีการทดลองนำร่องรับความคิดเห็น ปรับปรุง วนซ้ำ แล้วจึงขยายผล โดยสามารถจำแนกการบริหารจัดการนวัตกรรมออกได้เป็น

  1. การจัดซื้อจัดจ้างเพื่อสนับสนุนนวัตกรรม คือ การจัดซื้อจัดจ้างผลิตภัณฑ์หรือบริการที่จัดเป็นนวัตกรรมใหม่ ๆ ในท้องตลาด อาทิ · หุ่นยนต์ทำความสะอาดเพื่อลดกำลังคนในการทำความสะอาดเมื่อศูนย์การค้าปิด · จอภาพ Visual Displayแบบโปร่งแสงซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ในท้องตลาด ทดลองติดตั้งในเซ็นทรัล รามอินทรา · เครื่องย่อยสลายขยะเป็นน้ำทิ้ง(Grey Water) โดยความร่วมมือภายใต้โครงการ CSR ทดลองติดตั้งในเซ็นทรัล เวสต์เกต
  2. ร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ ร่วมกัน อาทิ · ร่วมมือกับ SCG Building ในการทดลองติดตั้งระบบบำบัดอากาศเสียในเซ็นทรัล อยุธยา เพื่อช่วยทำให้อากาศในอาคารดีขึ้นด้วยการดูดซับมลพิษที่เกิดขึ้นในอาคาร ช่วยให้อากาศภายในอาคารสะอาด และประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น · ร่วมมือกับไทวัสดุ และ Gulf ในการนำร่องติดตั้งระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์แบบสัมปทาน โดย Gulf ติดตั้งแผงผลิตพลังงานจากแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคารไทวัสดุแล้วจ่ายไฟผ่านสายส่งมาให้กับเซ็นทรัล ศาลายา
ความร่วมมือทางธุรกิจเพื่อพัฒนานวัตกรรม

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างนวัตกรรมผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ โดยดำเนินโครงการที่มุ่งเน้นการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ ร่วมกับคู่ค้าเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าและส่งเสริมความยั่งยืน ตัวอย่างของความร่วมมือเหล่านี้ ได้แก่ การทำงานร่วมกับ SCG Building ในการพัฒนาระบบบำบัดอากาศเสียเพื่อลดมลภาวะในอาคาร การร่วมมือกับ Thai Watsadu และ Gulf Energy เพื่อดำเนินโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ และการร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการทำงานร่วมกับพันธมิตรช่วยให้บริษัทฯ สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ ๆ และแนวคิดที่หลากหลาย ซึ่งนำไปสู่การพัฒนานวัตกรรมที่สามารถสร้างคุณค่าให้กับผู้มีส่วนได้เสียในระยะยาว

การขับเคลื่อนนวัตกรรมด้วยข้อมูล

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการใช้ข้อมูลในการขับเคลื่อนนวัตกรรม โดยนำ Power BI และเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง มาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการธุรกิจ ข้อมูลที่ได้รับจากกระบวนการวิเคราะห์ถูกนำไปใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน ปรับปรุงกลยุทธ์ และเพิ่มศักยภาพในการตัดสินใจทางธุรกิจ

การติดตามและประเมินผลนวัตกรรม

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการติดตามและประเมินผลของนวัตกรรมที่พัฒนา โดยใช้ตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น การลดต้นทุนการดำเนินงาน การเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการให้บริการ รวมถึงการวัดระดับความพึงพอใจของลูกค้า การประเมินผลอย่างต่อเนื่องช่วยให้บริษัทฯ สามารถระบุจุดแข็งและจุดที่ต้องปรับปรุงของแต่ละโครงการนวัตกรรม ทำให้สามารถพัฒนาโซลูชันที่มีความยั่งยืนและสร้างคุณค่าในระยะยาว

แนวทางนวัตกรรมแบบยืดหยุ่น

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ใช้แนวทางที่ยืดหยุ่นและคล่องตัวในการบริหารจัดการนวัตกรรม โดยนำแนวคิด Agile Innovation มาใช้ในกระบวนการพัฒนาโซลูชันใหม่ ๆ แนวทางนี้ช่วยให้สามารถทดสอบและปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการได้อย่างต่อเนื่อง รวมถึงสามารถนำโครงการนำร่องไปทดลองใช้จริง และขยายผลในวงกว้าง

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนองค์กรผ่านนวัตกรรมที่ช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน พร้อมทั้งส่งเสริมความยั่งยืนในระดับองค์กร ชุมชน และสิ่งแวดล้อม การดำเนินงานด้านนวัตกรรมของบริษัทฯ ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมในระยะยาว

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ผู้ประกอบการร้านค้า ผู้เช่าอาคาร ลูกค้า โครงการที่พักอาศัย
พนักงาน
ลูกค้า
คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ