เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
78%
Net Promoter Score (NPS) จากผู้ใช้บริการศูนย์การค้ามีความพึงพอใจในพื้นที่ส่วนกลางและบริการ
เป้าหมาย
65%
Net Promoter Score (NPS) จากผู้ใช้บริการศูนย์การค้าต้องมีความพึงพอใจสูงสุด
ผลการดำเนินงาน
0 กรณี
ไม่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัย และการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย
เป้าหมาย
0 กรณี
ไม่มีข้อร้องเรียนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการบริการที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความปลอดภัย และการไม่ปฏิบัติตามกฏหมาย

ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ

ด้วยบริบททางธุรกิจของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ต้องบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งในด้านพฤติกรรมและความคาดหวัง จึงจำเป็นต้องมีแนวทางการให้บริการที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม อีกทั้ง การรักษามาตรฐานคุณภาพให้สม่ำเสมอในทุกโครงการและทุกพื้นที่การดำเนินงานถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทฯ มีการขยายพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการกับราคาที่แข่งขันได้เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ การยกระดับคุณภาพของบริการและผลิตภัณฑ์นี้ ช่วยเสริมสร้างความภักดีของลูกค้า อันมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการซ้ำและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับคุณภาพยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของแบรนด์และดึงดูดลูกค้าใหม่ ลดความสูญเสียและข้อผิดพลาด ซึ่งนำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

บริษัทฯ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ การยกระดับคุณภาพของบริการและผลิตภัณฑ์นี้

ช่วยเสริมสร้างความภักดีของลูกค้า อันมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการซ้ำ

แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ผ่านแนวทางการบริหารจัดการที่ครอบคลุมทุกด้าน พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินการแบบ Customer Satisfaction Survey เป็นประจำทุกปี และการสำรวจคะแนนความพึงพอใจสุทธิ (NPS) เพื่อประเมินคุณภาพการให้บริการทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและบริการต่าง ๆ โดยในปี 2567 บริษัทสามารถเพิ่มคะแนนความพึงพอใจในด้านพื้นที่ส่วนกลางและบริการขึ้นเป็นร้อยละ 78 และร้อยละ 73 ตามลำดับ พร้อมปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าผ่านการวิเคราะห์คำแนะนำ ข้อร้องเรียน และคำชมเชยที่ได้รับผ่านช่องทางต่าง ๆ

การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยึดหลัก "Service with the Heart" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการให้บริการที่ฝังอยู่ในองค์กร ส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีจิตสำนึกในการให้บริการที่ใส่ใจรายละเอียดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง การอบรมและพัฒนาศักยภาพพนักงานถูกออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงการนำความคิดเห็นจากลูกค้าและคู่ค้ามาปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น แพลตฟอร์ม Central Life X ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล โปรโมชั่น และกิจกรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รวมถึง Residents Application ซึ่งช่วยให้ลูกบ้านสามารถสื่อสารกับผู้บริหารโครงการได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า แพลตฟอร์ม Central Pattana SERVE ช่วยให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่เช่า ตรวจสอบข้อมูลการเช่า ชำระเงิน และแจ้งซ่อมได้อย่างสะดวก

ในด้านมาตรฐานการบริหารจัดการคุณภาพ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ใช้ ISO 9001 เป็นแนวทางหลักในการควบคุมคุณภาพสินค้าและบริการ ตลอดจนยกระดับมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยภายใต้ ISO 45001 พร้อมนำมาตรฐาน QSHE (Quality, Security, Safety, Occupational Health and Environment) มาใช้ในการบริหารความเสี่ยงเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและเชื่อถือได้สำหรับลูกค้าและคู่ค้า
ในส่วนของการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่ผู้มีส่วนได้เสีย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้นำแนวคิด Green Building มาใช้ในการออกแบบและพัฒนาโครงการ ควบคู่ไปกับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ISO 14001 และ ISO 50001 นอกจากนี้ยังมีการติดตั้ง Solar Carport และ Solar Lighting เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด ลดปริมาณพลังงานที่ใช้ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งสนับสนุนการนำวัสดุหมุนเวียนมาใช้ในโครงการก่อสร้างเพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ
ในด้านความปลอดภัยของข้อมูล
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ใช้เทคโนโลยีที่มีความปลอดภัยสูงเพื่อปกป้องข้อมูลของลูกค้า รวมถึงการนำ E-Tax & Payment System สำหรับคู่ค้า และ Smart Property Management System สำหรับการบริหารจัดการอาคารและพื้นที่เช่ามาใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใส ลดการใช้เอกสาร ลดเวลาการดำเนินการ และเพิ่มความแม่นยำของข้อมูล

นอกจากการบริหารจัดการคุณภาพที่เข้มงวดแล้ว บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าโดยจัดทำ Customer Satisfaction Survey เป็นประจำทุกปี ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถนำข้อเสนอแนะจากลูกค้ามาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2567 บริษัทได้รับข้อร้องเรียนจากลูกค้าจำนวน 2,320 รายการ โดยดำเนินการแก้ไขแล้ว 99.5% ทั้งยังวิเคราะห์คำชม คำเสนอแนะ และคำร้องเรียน เพื่อปรับปรุงบริการอย่างครอบคลุม ผ่านการวิเคราะห์ Net Promoter Score (NPS) ซึ่งได้คะแนนรวมร้อยละ 51 และมีคะแนนด้านพื้นที่ส่วนกลางร้อยละ 78 และด้านบริการร้อยละ 73

การบริหารจัดการความสัมพันธ์และพัฒนาร้านค้า

บริษัทฯ ยึดร้านค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Tenant Centric Business Partnership โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ ได้แก่ พื้นที่ กิจกรรมทางการตลาด สื่อประชาสัมพันธ์และความร่วมมือต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการให้กับทุกกลุ่มผู้ประกอบการ สอดคล้องตามนโยบายการปฏิบัติต่อลูกค้า เพื่อให้ร้านค้าได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ได้ผลประกอบการที่ดี คุ้มค่าในการเลือกเปิดร้านในพื้นที่ของบริษัทฯ ภายใต้การปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเป็นธรรม มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ อนามัย ชีวิต และทรัพย์สิน ตาม กลยุทธ์การเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิต และ Omnichannel เพื่อเป็นแบรนด์ที่ 1 ในใจของลูกค้า และสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับร้านค้า โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการ ดังนี้

การจัดสรรและบริหารพื้นที่ร้านค้า

บริษัทฯ นำข้อเสนอแนะจากช่องทางการมีส่วนร่วมของร้านค้าและความต้องการของผู้ประกอบการรายใหม่ มาพัฒนาเป็นพื้นที่ในรูปแบบที่หลากหลายทั้งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ระดับท้องถิ่น หรือแบรนด์ระดับโลก และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ อีกทั้งมีการบริหารและจัดวางพื้นที่ร้านค้าในทำเลที่เหมาะสมเป็นสัดส่วน สะดวกสำหรับลูกค้าในการค้นหา และตรงตามกลยุทธ์ในการสร้างเดสติเนชัน

แบบห้อง – Shop
แบบเปิดโล่ง - Open Plan
แบบป็อปอัพสโตร์ – Popup Store
แบบเดสติเนชัน เช่น Fashion Plus และ Food Park
แบบค้าปลีก ได้แก่ Comma And และ Playhouse
แบบตลาดชุมชน เช่น จริงใจมาร์เก็ต ตลาดนัดมาร์เก็ต มาร์เก็ต หรือตะล๊าด ตะหลาด
แบบวิถีไทย สไตล์ใหม่ และสินค้า ท้องถิ่น เช่น Hug Thai กาดหลวง นอร์ธเทอร์น วิลเลจ
รูปแบบใหม่ปี 2567 แบบ Stand-alone Shop เช่น PET’N ME และ Nana Coffee Roasters ที่เซ็นทรัล เวสต์วิลล์
การดูแลความสัมพันธ์ร้านค้า

บริษัทฯ ดูแลความสัมพันธ์ร้านค้าตั้งแต่ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังจากการเปิดร้าน โดยสร้างความมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันกับร้านค้าในเชิงลึก ดูแลการเปิดร้านให้ได้ตามมาตรฐานคู่มือการเปิดร้านของบริษัทฯ มีความสอดคล้องกับรูปแบบดีไซน์ของแต่ละโครงการ พัฒนาองค์ความรู้ในการจัดร้านและการวางสินค้า พัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการขายและการตลาดในรูปแบบที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของร้านค้า เพื่อผลักดันยอดขายให้ดีขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานของร้านค้า

บริษัทฯ แบ่งขอบเขตการดูแลออกเป็น ระดับร้านค้า และระดับแบรนด์ โดยหน่วยงานฝ่ายขาย ฝ่ายดูแลร้านค้าสัมพันธ์ และฝ่ายการตลาด มีการจัดประชุมร้านค้าระดับสาขาไตรมาสละ 1 ครั้ง และระดับแบรนด์ หรือที่เรียกว่าประชุมร้านค้าประจำปี ปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นเวทีในการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า และรายงานทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้ร้านค้าได้รับทราบและเตรียมแผนในการขยาหำยธุรกิจไปด้วยกัน

ในส่วนการพัฒนาแคมเปญทางการตลาดร่วมกับร้านค้า เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเกิดการจับจ่ายในร้านค้าเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงเทศกาลและช่วง Low Season เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละแคมเปญจะมีองค์กรประกอบในส่วนของการตกแต่งพื้นที่ศูนย์การค้า กิจกรรมอีเว้นท์ กิจกรรมออกร้าน กิจกรรมเวิร์กชอป และกิจกรรมแลกของสมนาคุณ อาทิ แคมเปญตรุษจีน ช่วงต้นปี แคมเปญ The Greatest Grand Sale ช่วงกลางปี และแคมเปญ The Great Celebration ช่วงปลายปี นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมร้านค้าสัมพันธ์เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันและเป็นการรับฟังข้อเสนอแนะและหารือพัฒนาความร่วมมือกับร้านค้าในระดับเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2567 มีการจัดแคมเปญทางการตลาดร่วมกันทั้งสิ้น 18 แคมเปญ ได้แก่แคมเปญร่วมกับกลุ่มร้านค้าแฟชั่น 4 แคมเปญ กลุ่มร้านอาหาร 5 แคมเปญ กลุ่มสินค้าไอที 1 แคมเปญ กลุ่มสินค้าบิวตี้ 2 แคมเปญ กลุ่มสถาบันการศึกษา 2 แคมเปญ และนับรวมการเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ตามเทศกาลซึ่งจัดทุกสาขาอีก 4 แคมเปญ

เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ประกอบการร้านค้า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงระบบ Central Pattana SERVE ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างผู้ประกอบการและบริษัทฯ โดยในปี 2567 บริษัทได้รับข้อร้องเรียนผ่านระบบ SERVE จำนวน 602 รายการ และได้ดำเนินการแก้ไขแล้วร้อยละ 85 โดยข้อร้องเรียนที่เหลืออยู่ในระหว่างขั้นตอนการปิดรายการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เร่งปรับปรุงกระบวนการบริหารข้อร้องเรียน เพื่อยกระดับความโปร่งใส ความชัดเจน และความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการของร้านค้าอย่างเป็นรูปธรรม

การดูแลการปฏิบัติการร้านค้า

บริษัทฯ มีการกำหนดระเบียบปฏิบัติงานมาตรฐานในการดูแลการปฏิบัติการของร้านค้า ครอบคลุมเรื่องการดำเนินการแก้ไข ป้องกัน ตรวจสอบ ติดตามแก้ไข และตรวจประเมินการปฏิบัติการประจำปี ในประเด็นเรื่องระบบสาธารณูปโภค การจัดการและกำจัดของเสีย และการดูแลความปลอดภัยและเหตุการณ์ผิดปกติ ผลที่ได้จะรวบรวมและวิเคราะห์ร่วมกับประเด็นที่ได้รับจากกระบวนการรับฟังเสียงของร้านค้ามาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการร่วมกับประเด็นที่ได้รับจากลูกค้าและชุมชนในเรื่องที่ใกล้เคียงหรือเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขอให้ร้านค้าประเมินความพึงพอใจในทุกครั้งที่แจ้ง หรือขอรับบริการจากหน่วยงานปฏิบัติการศูนย์การค้า เพื่อนำผลประเมินที่ได้มาแก้ไข ปรับปรุง และนำไปพัฒนาบริการหรือนวัตกรรมของบริษัทฯ ในลำดับต่อไป บริษัทฯ ได้นำมาตรฐาน ISO 9001 มาประยุกต์ใช้ในการดูแลเรื่องการให้บริการร้านค้า ISO 14001 มากำหนดกระบวนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียให้กับร้านค้า และ ISO 45001 มาประยุกต์ในการดูแลเรื่องความปลอดภัยของร้านค้า

นอกจากนั้น ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการดูแลการปฏิบัติการร้านค้าเพื่อเพิ่มความสะดวก ความรวดเร็ว และความสามารถในการติดตามผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้ระบบ Smart Property ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน SERVE และโปรแกรม Enterprise Resource Planning โดยตรง อีกทั้งกำหนดให้การปิดใบสั่งงาน (Incident Notification) ที่เกิดขึ้นในระบบ เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ให้บริการ

การพัฒนาร้านค้า

บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพทุกรายได้รับโอกาสที่จะพัฒนาในธุรกิจร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นรายที่เคยทำธุรกิจกับบริษัทฯ หรือบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล หรือรายที่ยังไม่เคยทำธุรกิจร่วมกันก็สามารถเข้ารับการพัฒนาได้ โดยแบ่งรูปแบบการพัฒนาออกเป็น 2 รูปแบบ คือ

1. โครงการเซ็นทรัลพัฒนาลีด - LEAD (Leading Entrepreneur Advanced Development Program)

เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่สามารถจัดสรรเวลาในการเรียนรู้ผ่านการอบรมในห้องเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการบริหารจัดการในการประกอบธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรดและพร้อมที่จะลงมือทดลองทำตลาดเปิดร้านจริง ในปี 2567 จัดเป็น LEAD รุ่นที่ 5 มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่สนใจเข้าร่วม 30 แบรนด์ โดยมี 5 แบรนด์ ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในด้านต่าง ๆ ดังนี้

รางวัล New Concept Store for Business Growth ได้แก่ แบรนด์ “ซาลาเปาโกอ้วน” ขยายสู่แบรนด์ใหม่ “โรงชาชงดี”
รางวัล Partnership & Collaboration for Business Growth ได้แก่ แบรนด์ “Moreover”
รางวัล Omni Brand & Omni Channel for Business Growth ได้แก่ แบรนด์ “Nineties Design”
รางวัล Omni Sustainability for business & Community ได้แก่ แบรนด์ “Tempered”
รางวัล Supply chain Management & Scalable for Business Growth ได้แก่ แบรนด์ “Amatas”

2. โปรแกรมรีเทลอะคาเดมี (Retail Academy)

โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่ให้ความรู้ ส้รางความความเข้าใจ และเพิ่มทักษะในการบริหารจัดการธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรด เน้นการปูพื้นฐานให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นในเรื่องที่ยังไม่ชำนาญ เช่น การทำตลาดออนไลน์ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการจัดแต่งหน้าร้านให้ดึงดูดลูกค้า ในปี 2567 เป็นการต่อยอดจากปีก่อนหน้า โดยจัดอบรมใหญ่จำนวน 2 วัน ณ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นการอบรม 1 วันและต่อยอดเพิ่มกิจกรรมในส่วน Business matching อีก 1 วัน ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจเปิดร้านในศูนย์การค้า และขยายผลไปยังทุกภูมิภาค รวมจัดทั้งหมด 5 ครั้ง ทั่วประเทศ สามารถเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการได้ 142 แบรนด์ หรือ 189 ร้านค้า

การสนับสนุนร้านค้า

นอกเหนือจากการสนับสนุนส่งเสริมให้ร้านค้ามีรายได้ดีและเจริญเติบโต บริษัทฯ ยังสนับสนุนร้านค้าในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้

1. ด้านการเงิน

โดยเป็นตัวเชื่อมให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำภายใต้เงื่อนไขพิเศษ โดยในปี 2567 ได้ร่วมกับธนาคารยูโอบีในการออกสินเชื่อเพื่อการประหยัดพลังงาน และสินเชื่อเพื่อธุรกิจให้กับร้านค้าที่มีความมุ่งมั่นในการลดการใช้พลังงานและลดขยะฝังกลบ

2. ด้านลูกค้าสัมพันธ์

โดยต่อยอดระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ ผ่านแอปพลิเคชัน The 1 Biz โดยลูกค้าที่จับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่ร่วมโครงการ จะได้รับคะแนน The 1 โดยอัตโนมัติ เพิ่มขีดความสามารถให้กับร้านค้าโดยไม่ต้องลงทุนในระบบที่มีราคาสูง และสามารถจัดการฐานข้อมูลลูกค้าให้มีประสิทธิภาพขึ้น นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มบริการ ‘E-Coupon’ ในแอปพลิเคชัน SERVE ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้คูปองส่วนลด หรือคูปองสิทธิประโยชน์พิเศษจากศูนย์การค้ากับร้านค้าโดยตรงได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น

3. ด้านคุณภาพชีวิตของพนักงานร้านค้า

ด้านคุณภาพชีวิตของพนักงานร้านค้า บริษัทฯ กำหนดระเบียบปฏิบัติงานมาตรฐานเรื่องการประเมินตนเองด้านตรวจสอบปฏิบัติการซึ่งประเมินทุกปี เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติการศูนย์การค้าสามารถควบคุมและจัดการความเสี่ยงของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าได้ด้วยตนเอง โดยประเด็นที่ประเมินนั้นจะครอบคลุมในด้านคุณภาพชีวิตตามข้อกฎหมายและด้านความปลอดภัยของพนักงาน ผลช้อมูลเชิงสถิติที่ได้จากการประเมินจะถูกวิเคราะห์ สอบทาน และรวบรวมนำเสนอต่อที่ประชุมผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าและสื่อสารผ่านทางอีเมล์ไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้กำหนดแผนงานในการขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียวสำหรับโครงการใหม่ จึงได้ออกข้อกำหนดมาตรฐานสาธารณูปโภคอาคารและงานระบบ และการจัดเตรียมรับรองภายใต้เกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้าง หรือ TREES-CS สำหรับร้านค้า เพื่อแจ้งและขอความร่วมมือจากร้านค้าในการตกแต่งร้านค้าให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียว TREES ครอบคลุมในเรื่องระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศระบายควัน ระบบความปลอดภัย ระบบสุขาภิบาล ระบบแก๊ส การควบคุมการใช้ไฟฟ้า และการจัดสรรพื้นที่สีเขียวให้เพียงพอและเข้าถึงได้

นอกจากนั้น ยังได้จัดสรรพื้นที่สำหรับให้พนักงานร้านค้าได้พักในช่วงเบรคและห้องอาหารพนักงานสำหรับรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา และจัดสรรที่จอดรถสำหรับพนักงานร้านค้าโดยเฉพาะตามพื้นที่ที่เอื้อให้ดำเนินการในแต่ละโครงการ

4. ด้านความยั่งยืน

เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือในด้านความยั่งยืน บริษัทฯ ได้เชิญชวนร้านค้าที่มีความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าร่วมโครงการ Green Partnership โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลังงานและลดขยะฝังกลบเป็นการร่วมมือระหว่างศูนย์การค้าและร้านค้า ซึ่งได้มีการจัดอบรมให้ความรู้ในเรื่องแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของศูนย์การค้า และหารือในประเด็นลดการใช้พลังงานร่วมกันกับร้านค้าที่สนใจจำนวน 40 ราย

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มบริการ ‘รายงานการใช้พลังงานไฟฟ้า’ ในแอปพลิเคชัน SERVE เพื่อให้ร้านค้าสามารถเปรียบเทียบปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ด้วยตนเอง

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ผู้ประกอบการร้านค้า ผู้เช่าอาคาร ลูกค้าโครงการที่พักอาศัย
ลูกค้า
คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
ชุมชน / ตัวแทนชุมชน รวมหน่วยงานกำกับ ภาครัฐ ภาคการศึกษา องค์กรอิสระ
ผู้ถือหุ้น
เจ้าหนี้