
คุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
ด้วยบริบททางธุรกิจของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ที่ต้องบริหารความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก รวมถึงการส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่มีคุณภาพ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ความต้องการของผู้มีส่วนได้เสียมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งทำให้ต้องมีการปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้บริการแก่กลุ่มลูกค้าที่มีความหลากหลาย ทั้งในด้านพฤติกรรมและความคาดหวัง จึงจำเป็นต้องมีแนวทางการให้บริการที่ยืดหยุ่นและสามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละกลุ่ม อีกทั้ง การรักษามาตรฐานคุณภาพให้สม่ำเสมอในทุกโครงการและทุกพื้นที่การดำเนินงานถือเป็นความท้าทายที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อบริษัทฯ มีการขยายพอร์ตธุรกิจอย่างต่อเนื่อง การสร้างสมดุลระหว่างคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการกับราคาที่แข่งขันได้เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถมอบคุณค่าที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ซึ่งบริษัทฯ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้เพื่อยกระดับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการ การยกระดับคุณภาพของบริการและผลิตภัณฑ์นี้ ช่วยเสริมสร้างความภักดีของลูกค้า อันมีส่วนช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้บริการซ้ำและสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับลูกค้า นอกจากนี้ การให้ความสำคัญกับคุณภาพยังช่วยเสริมสร้างชื่อเสียงของแบรนด์และดึงดูดลูกค้าใหม่ ลดความสูญเสียและข้อผิดพลาด ซึ่งนำไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้เสียในทุกมิติ ผ่านแนวทางการบริหารจัดการที่ครอบคลุมทุกด้าน พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ตลอดจนยกระดับมาตรฐานการให้บริการเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เป็นเลิศให้กับลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ผ่านการดำเนินการแบบ Customer Satisfaction Survey เป็นประจำทุกปี และการสำรวจคะแนนความพึงพอใจสุทธิ (NPS) เพื่อประเมินคุณภาพการให้บริการทั้งในพื้นที่ส่วนกลางและบริการต่าง ๆ โดยในปี 2567 บริษัทสามารถเพิ่มคะแนนความพึงพอใจในด้านพื้นที่ส่วนกลางและบริการขึ้นเป็นร้อยละ 78 และร้อยละ 73 ตามลำดับ พร้อมปรับปรุงประสบการณ์ลูกค้าผ่านการวิเคราะห์คำแนะนำ ข้อร้องเรียน และคำชมเชยที่ได้รับผ่านช่องทางต่าง ๆ
การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยึดหลัก "Service with the Heart" ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการให้บริการที่ฝังอยู่ในองค์กร ส่งเสริมให้พนักงานทุกระดับมีจิตสำนึกในการให้บริการที่ใส่ใจรายละเอียดและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างแท้จริง การอบรมและพัฒนาศักยภาพพนักงานถูกออกแบบให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล รวมถึงการนำความคิดเห็นจากลูกค้าและคู่ค้ามาปรับปรุงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพของผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เช่น แพลตฟอร์ม Central Life X ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูล โปรโมชั่น และกิจกรรมต่างๆ ได้ง่ายขึ้น รวมถึง Residents Application ซึ่งช่วยให้ลูกบ้านสามารถสื่อสารกับผู้บริหารโครงการได้สะดวกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับผู้ประกอบการร้านค้า แพลตฟอร์ม Central Pattana SERVE ช่วยให้สามารถบริหารจัดการพื้นที่เช่า ตรวจสอบข้อมูลการเช่า ชำระเงิน และแจ้งซ่อมได้อย่างสะดวก
ในด้านมาตรฐานการบริหารจัดการคุณภาพ
ในส่วนของการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม
ในด้านความปลอดภัยของข้อมูล
นอกจากการบริหารจัดการคุณภาพที่เข้มงวดแล้ว บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังให้ความสำคัญกับการรับฟังความคิดเห็นของลูกค้าโดยจัดทำ Customer Satisfaction Survey เป็นประจำทุกปี ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ สามารถนำข้อเสนอแนะจากลูกค้ามาปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้น โดยในปี 2567 บริษัทได้รับข้อร้องเรียนจากลูกค้าจำนวน 2,320 รายการ โดยดำเนินการแก้ไขแล้ว 99.5% ทั้งยังวิเคราะห์คำชม คำเสนอแนะ และคำร้องเรียน เพื่อปรับปรุงบริการอย่างครอบคลุม ผ่านการวิเคราะห์ Net Promoter Score (NPS) ซึ่งได้คะแนนรวมร้อยละ 51 และมีคะแนนด้านพื้นที่ส่วนกลางร้อยละ 78 และด้านบริการร้อยละ 73
การบริหารจัดการความสัมพันธ์และพัฒนาร้านค้า
บริษัทฯ ยึดร้านค้าเป็นศูนย์กลาง หรือ Tenant Centric Business Partnership โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ ได้แก่ พื้นที่ กิจกรรมทางการตลาด สื่อประชาสัมพันธ์และความร่วมมือต่าง ๆ รวมทั้งการให้บริการให้กับทุกกลุ่มผู้ประกอบการ สอดคล้องตามนโยบายการปฏิบัติต่อลูกค้า เพื่อให้ร้านค้าได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ ได้ผลประกอบการที่ดี คุ้มค่าในการเลือกเปิดร้านในพื้นที่ของบริษัทฯ ภายใต้การปฏิบัติตามสัญญาหรือข้อตกลงอย่างเป็นธรรม มีความปลอดภัยต่อสุขภาพ อนามัย ชีวิต และทรัพย์สิน ตาม กลยุทธ์การเป็นศูนย์กลางการใช้ชีวิต และ Omnichannel เพื่อเป็นแบรนด์ที่ 1 ในใจของลูกค้า และสร้างผลประโยชน์สูงสุดให้กับร้านค้า โดยมีแนวทางในการบริหารจัดการ ดังนี้
การจัดสรรและบริหารพื้นที่ร้านค้า
บริษัทฯ นำข้อเสนอแนะจากช่องทางการมีส่วนร่วมของร้านค้าและความต้องการของผู้ประกอบการรายใหม่ มาพัฒนาเป็นพื้นที่ในรูปแบบที่หลากหลายทั้งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของผู้ประกอบการให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ทั้งรายเล็ก รายใหญ่ ระดับท้องถิ่น หรือแบรนด์ระดับโลก และตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ อีกทั้งมีการบริหารและจัดวางพื้นที่ร้านค้าในทำเลที่เหมาะสมเป็นสัดส่วน สะดวกสำหรับลูกค้าในการค้นหา และตรงตามกลยุทธ์ในการสร้างเดสติเนชัน








การดูแลความสัมพันธ์ร้านค้า
บริษัทฯ ดูแลความสัมพันธ์ร้านค้าตั้งแต่ช่วงก่อน ระหว่าง และหลังจากการเปิดร้าน โดยสร้างความมีส่วนร่วมในการพัฒนาธุรกิจร่วมกันกับร้านค้าในเชิงลึก ดูแลการเปิดร้านให้ได้ตามมาตรฐานคู่มือการเปิดร้านของบริษัทฯ มีความสอดคล้องกับรูปแบบดีไซน์ของแต่ละโครงการ พัฒนาองค์ความรู้ในการจัดร้านและการวางสินค้า พัฒนาโปรแกรมส่งเสริมการขายและการตลาดในรูปแบบที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการของร้านค้า เพื่อผลักดันยอดขายให้ดีขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานของร้านค้า
บริษัทฯ แบ่งขอบเขตการดูแลออกเป็น ระดับร้านค้า และระดับแบรนด์ โดยหน่วยงานฝ่ายขาย ฝ่ายดูแลร้านค้าสัมพันธ์ และฝ่ายการตลาด มีการจัดประชุมร้านค้าระดับสาขาไตรมาสละ 1 ครั้ง และระดับแบรนด์ หรือที่เรียกว่าประชุมร้านค้าประจำปี ปีละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นเวทีในการพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลและสร้างเครือข่ายพันธมิตรทางการค้า และรายงานทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ให้ร้านค้าได้รับทราบและเตรียมแผนในการขยาหำยธุรกิจไปด้วยกัน
ในส่วนการพัฒนาแคมเปญทางการตลาดร่วมกับร้านค้า เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าเกิดการจับจ่ายในร้านค้าเพิ่มขึ้นทั้งในช่วงเทศกาลและช่วง Low Season เพื่อกระตุ้นยอดขายให้กับร้านค้าตลอดทั้งปี ซึ่งในแต่ละแคมเปญจะมีองค์กรประกอบในส่วนของการตกแต่งพื้นที่ศูนย์การค้า กิจกรรมอีเว้นท์ กิจกรรมออกร้าน กิจกรรมเวิร์กชอป และกิจกรรมแลกของสมนาคุณ อาทิ แคมเปญตรุษจีน ช่วงต้นปี แคมเปญ The Greatest Grand Sale ช่วงกลางปี และแคมเปญ The Great Celebration ช่วงปลายปี นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีการจัดกิจกรรมร้านค้าสัมพันธ์เพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันและเป็นการรับฟังข้อเสนอแนะและหารือพัฒนาความร่วมมือกับร้านค้าในระดับเจ้าของกิจการ หรือผู้บริหารระดับสูง ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ตลอดปี 2567 มีการจัดแคมเปญทางการตลาดร่วมกันทั้งสิ้น 18 แคมเปญ ได้แก่แคมเปญร่วมกับกลุ่มร้านค้าแฟชั่น 4 แคมเปญ กลุ่มร้านอาหาร 5 แคมเปญ กลุ่มสินค้าไอที 1 แคมเปญ กลุ่มสินค้าบิวตี้ 2 แคมเปญ กลุ่มสถาบันการศึกษา 2 แคมเปญ และนับรวมการเข้าร่วมแคมเปญใหญ่ตามเทศกาลซึ่งจัดทุกสาขาอีก 4 แคมเปญ
เพื่อสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ประกอบการร้านค้า บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้เช่าอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงระบบ Central Pattana SERVE ที่ออกแบบมาเพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารระหว่างผู้ประกอบการและบริษัทฯ โดยในปี 2567 บริษัทได้รับข้อร้องเรียนผ่านระบบ SERVE จำนวน 602 รายการ และได้ดำเนินการแก้ไขแล้วร้อยละ 85 โดยข้อร้องเรียนที่เหลืออยู่ในระหว่างขั้นตอนการปิดรายการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เร่งปรับปรุงกระบวนการบริหารข้อร้องเรียน เพื่อยกระดับความโปร่งใส ความชัดเจน และความรวดเร็วในการตอบสนองต่อความต้องการของร้านค้าอย่างเป็นรูปธรรม
การดูแลการปฏิบัติการร้านค้า
บริษัทฯ มีการกำหนดระเบียบปฏิบัติงานมาตรฐานในการดูแลการปฏิบัติการของร้านค้า ครอบคลุมเรื่องการดำเนินการแก้ไข ป้องกัน ตรวจสอบ ติดตามแก้ไข และตรวจประเมินการปฏิบัติการประจำปี ในประเด็นเรื่องระบบสาธารณูปโภค การจัดการและกำจัดของเสีย และการดูแลความปลอดภัยและเหตุการณ์ผิดปกติ ผลที่ได้จะรวบรวมและวิเคราะห์ร่วมกับประเด็นที่ได้รับจากกระบวนการรับฟังเสียงของร้านค้ามาปรับปรุงและพัฒนาการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยบูรณาการร่วมกับประเด็นที่ได้รับจากลูกค้าและชุมชนในเรื่องที่ใกล้เคียงหรือเชื่อมโยงกัน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ขอให้ร้านค้าประเมินความพึงพอใจในทุกครั้งที่แจ้ง หรือขอรับบริการจากหน่วยงานปฏิบัติการศูนย์การค้า เพื่อนำผลประเมินที่ได้มาแก้ไข ปรับปรุง และนำไปพัฒนาบริการหรือนวัตกรรมของบริษัทฯ ในลำดับต่อไป บริษัทฯ ได้นำมาตรฐาน ISO 9001 มาประยุกต์ใช้ในการดูแลเรื่องการให้บริการร้านค้า ISO 14001 มากำหนดกระบวนการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียให้กับร้านค้า และ ISO 45001 มาประยุกต์ในการดูแลเรื่องความปลอดภัยของร้านค้า
นอกจากนั้น ได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในการดูแลการปฏิบัติการร้านค้าเพื่อเพิ่มความสะดวก ความรวดเร็ว และความสามารถในการติดตามผลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นภายใต้ระบบ Smart Property ที่เชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน SERVE และโปรแกรม Enterprise Resource Planning โดยตรง อีกทั้งกำหนดให้การปิดใบสั่งงาน (Incident Notification) ที่เกิดขึ้นในระบบ เป็นอีกหนึ่งตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานของพนักงานที่ให้บริการ
การพัฒนาร้านค้า
บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพทุกรายได้รับโอกาสที่จะพัฒนาในธุรกิจร้านค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็นรายที่เคยทำธุรกิจกับบริษัทฯ หรือบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล หรือรายที่ยังไม่เคยทำธุรกิจร่วมกันก็สามารถเข้ารับการพัฒนาได้ โดยแบ่งรูปแบบการพัฒนาออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
1. โครงการเซ็นทรัลพัฒนาลีด - LEAD (Leading Entrepreneur Advanced Development Program)
เป็นโครงการที่จัดตั้งขึ้นสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่สามารถจัดสรรเวลาในการเรียนรู้ผ่านการอบรมในห้องเรียนเพื่อเพิ่มทักษะการบริหารจัดการในการประกอบธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรดและพร้อมที่จะลงมือทดลองทำตลาดเปิดร้านจริง ในปี 2567 จัดเป็น LEAD รุ่นที่ 5 มีผู้ประกอบการรุ่นใหม่สนใจเข้าร่วม 30 แบรนด์ โดยมี 5 แบรนด์ ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมในด้านต่าง ๆ ดังนี้





2. โปรแกรมรีเทลอะคาเดมี (Retail Academy)
โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ ที่ให้ความรู้ ส้รางความความเข้าใจ และเพิ่มทักษะในการบริหารจัดการธุรกิจแบบโมเดิร์นเทรด เน้นการปูพื้นฐานให้กับผู้ประกอบการท้องถิ่นในเรื่องที่ยังไม่ชำนาญ เช่น การทำตลาดออนไลน์ การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการจัดแต่งหน้าร้านให้ดึงดูดลูกค้า ในปี 2567 เป็นการต่อยอดจากปีก่อนหน้า โดยจัดอบรมใหญ่จำนวน 2 วัน ณ เซ็นทรัล ลาดพร้าว เป็นการอบรม 1 วันและต่อยอดเพิ่มกิจกรรมในส่วน Business matching อีก 1 วัน ให้กับผู้ประกอบการที่สนใจเปิดร้านในศูนย์การค้า และขยายผลไปยังทุกภูมิภาค รวมจัดทั้งหมด 5 ครั้ง ทั่วประเทศ สามารถเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการได้ 142 แบรนด์ หรือ 189 ร้านค้า
การสนับสนุนร้านค้า
นอกเหนือจากการสนับสนุนส่งเสริมให้ร้านค้ามีรายได้ดีและเจริญเติบโต บริษัทฯ ยังสนับสนุนร้านค้าในด้านต่าง ๆ เพิ่มเติม ดังนี้
1. ด้านการเงิน
โดยเป็นตัวเชื่อมให้ร้านค้าสามารถเข้าถึงสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำภายใต้เงื่อนไขพิเศษ โดยในปี 2567 ได้ร่วมกับธนาคารยูโอบีในการออกสินเชื่อเพื่อการประหยัดพลังงาน และสินเชื่อเพื่อธุรกิจให้กับร้านค้าที่มีความมุ่งมั่นในการลดการใช้พลังงานและลดขยะฝังกลบ
2. ด้านลูกค้าสัมพันธ์
โดยต่อยอดระบบการจัดการลูกค้าสัมพันธ์ ผ่านแอปพลิเคชัน The 1 Biz โดยลูกค้าที่จับจ่ายใช้สอยในร้านค้าที่ร่วมโครงการ จะได้รับคะแนน The 1 โดยอัตโนมัติ เพิ่มขีดความสามารถให้กับร้านค้าโดยไม่ต้องลงทุนในระบบที่มีราคาสูง และสามารถจัดการฐานข้อมูลลูกค้าให้มีประสิทธิภาพขึ้น นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มบริการ ‘E-Coupon’ ในแอปพลิเคชัน SERVE ช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้คูปองส่วนลด หรือคูปองสิทธิประโยชน์พิเศษจากศูนย์การค้ากับร้านค้าโดยตรงได้สะดวกและรวดเร็วขึ้น
3. ด้านคุณภาพชีวิตของพนักงานร้านค้า
ด้านคุณภาพชีวิตของพนักงานร้านค้า บริษัทฯ กำหนดระเบียบปฏิบัติงานมาตรฐานเรื่องการประเมินตนเองด้านตรวจสอบปฏิบัติการซึ่งประเมินทุกปี เพื่อให้หน่วยงานปฏิบัติการศูนย์การค้าสามารถควบคุมและจัดการความเสี่ยงของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับร้านค้าได้ด้วยตนเอง โดยประเด็นที่ประเมินนั้นจะครอบคลุมในด้านคุณภาพชีวิตตามข้อกฎหมายและด้านความปลอดภัยของพนักงาน ผลช้อมูลเชิงสถิติที่ได้จากการประเมินจะถูกวิเคราะห์ สอบทาน และรวบรวมนำเสนอต่อที่ประชุมผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้าและสื่อสารผ่านทางอีเมล์ไปยังผู้เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ในปี 2567 บริษัทฯ ได้กำหนดแผนงานในการขอรับรองมาตรฐานอาคารเขียวสำหรับโครงการใหม่ จึงได้ออกข้อกำหนดมาตรฐานสาธารณูปโภคอาคารและงานระบบ และการจัดเตรียมรับรองภายใต้เกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทย สำหรับการก่อสร้าง หรือ TREES-CS สำหรับร้านค้า เพื่อแจ้งและขอความร่วมมือจากร้านค้าในการตกแต่งร้านค้าให้สอดคล้องตามเกณฑ์มาตรฐานอาคารเขียว TREES ครอบคลุมในเรื่องระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบปรับอากาศ ระบบระบายอากาศระบายควัน ระบบความปลอดภัย ระบบสุขาภิบาล ระบบแก๊ส การควบคุมการใช้ไฟฟ้า และการจัดสรรพื้นที่สีเขียวให้เพียงพอและเข้าถึงได้
นอกจากนั้น ยังได้จัดสรรพื้นที่สำหรับให้พนักงานร้านค้าได้พักในช่วงเบรคและห้องอาหารพนักงานสำหรับรับประทานอาหารที่มีคุณภาพในราคาย่อมเยา และจัดสรรที่จอดรถสำหรับพนักงานร้านค้าโดยเฉพาะตามพื้นที่ที่เอื้อให้ดำเนินการในแต่ละโครงการ
4. ด้านความยั่งยืน
เพื่อเป็นการสร้างความร่วมมือในด้านความยั่งยืน บริษัทฯ ได้เชิญชวนร้านค้าที่มีความมุ่งมั่นในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าร่วมโครงการ Green Partnership โดยมีเป้าหมายเพื่อลดการใช้พลังงานและลดขยะฝังกลบเป็นการร่วมมือระหว่างศูนย์การค้าและร้านค้า ซึ่งได้มีการจัดอบรมให้ความรู้ในเรื่องแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของศูนย์การค้า และหารือในประเด็นลดการใช้พลังงานร่วมกันกับร้านค้าที่สนใจจำนวน 40 ราย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มบริการ ‘รายงานการใช้พลังงานไฟฟ้า’ ในแอปพลิเคชัน SERVE เพื่อให้ร้านค้าสามารถเปรียบเทียบปริมาณการใช้ไฟฟ้าได้ด้วยตนเอง