เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
มาตรฐานอากาศภายในอาคารต้องไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด จากการตรวจวัดคุณภาพอากาศของทุกโครงการ
เป้าหมาย
ควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร ให้สอดคล้องกับค่ามาตรฐานระดับประเทศ
ผลการดำเนินงาน
ควบคุมคุณภาพภาพสิ่งแวดล้อมไม่ให้เกินกว่ามาตรฐานในทุกโครงการ ได้แก่ PM 2.5 < 0.05mg./m3 PM 10 < 0.12mg./m3 PM 100 < 0.33mg./m3
เป้าหมาย
ป้องกันการปล่อยมลพิษทางอากาศจากกิจกรรมภายในองค์กร

ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและระดับมลพิษทางอากาศที่เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ มีความซับซ้อนและท้าทายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ต้องเผชิญกับความท้าทายในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของการปรับใช้เทคโนโลยีสีเขียวที่ทันสมัย ซึ่งแม้จะมีต้นทุนเริ่มต้นที่สูง แต่ก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการควบคุมมลพิษอย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังต้องการความร่วมมือและประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้บรรลุมาตรฐานคุณภาพอากาศที่เข้มงวด

ในขณะเดียวกัน โอกาสที่เกิดขึ้นในด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีสีเขียวยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ก้าวสู่การเป็นผู้นำในการนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการตรวจวัดและควบคุมคุณภาพอากาศอย่างแม่นยำ พร้อมทั้งการสร้างเครือข่ายและความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในระดับท้องถิ่นและระดับประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งในการจัดการคุณภาพอากาศและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร นอกจากนี้ การดำเนินโครงการและมาตรการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนและผู้ลงทุน พร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ผ่านการปรับตัวและใช้แนวทางบริหารจัดการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เซ็นทรัลพัฒนามีความแตกต่างและสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนในระยะยาวพร้อมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก ผ่านการปรับตัวและใช้แนวทางบริหารจัดการที่เป็นมิตร ต่อสิ่งแวดล้อมทำให้เซ็นทรัลพัฒนามีความแตกต่าง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มอย่างยั่งยืนในระยะยาว

การดำเนินโครงการและมาตรการที่โปร่งใสและมีประสิทธิภาพยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนและผู้ลงทุน

แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งเน้นการบริหารจัดการคุณภาพอากาศแบบบูรณาการที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการดำเนินงาน ตั้งแต่การวางแผนเชิงกลยุทธ์ การดำเนินธุรกิจ ไปจนถึงการประเมินผลและปรับปรุงกระบวนการอย่างต่อเนื่อง แนวทางนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การจัดการคุณภาพอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับนโยบายความยั่งยืนขององค์กรในทุกมิติ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดตั้งทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ที่ทันสมัยในการควบคุมและปรับปรุงคุณภาพอากาศอย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ ยังได้บูรณาการแนวคิดเรื่อง สุขภาพของผู้มีส่วนได้เสีย (Stakeholder Wellbeing) เข้าไว้ในการออกแบบสภาพแวดล้อมของอาคาร โดยสนับสนุนให้ร้านค้าออกแบบตามแนวทางอาคารเขียว TREES-CS (Core & Shell) และมีการกำหนดมาตรฐานระบบอากาศและอุปกรณ์กรองอากาศภายในพื้นที่เช่าเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กรและการรับรองตามมาตรฐานอาคารสุขภาวะดี (WELL Building Standard)

การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม

ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญในการจัดการสิ่งแวดล้อม บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ลงทุนในระบบตรวจวัดและวิเคราะห์ข้อมูลคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ พร้อมทั้งนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาใช้ในการควบคุมและลดการปล่อยมลพิษ วิธีการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม แต่ยังลดต้นทุนในระยะยาวและสร้างความแม่นยำในการดำเนินงาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหามลพิษอย่างยั่งยืน

บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการที่ชัดเจนเพื่อยกระดับการจัดการคุณภาพอากาศในทุกพื้นที่ดำเนินงาน โดยเฉพาะพื้นที่ศูนย์การค้าและอาคารสำนักงานที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น โดยมุ่งเน้นการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และ PM10 ที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการและพนักงาน

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ติดตั้งและปรับปรุงระบบกรองอากาศในอาคาร ได้แก่ เครื่องเติมอากาศ (Outdoor Air Unit: OAU) และเครื่องส่งลมเย็น (Air Handling Unit: AHU) โดยใช้แผ่นกรองระดับ MERV 14 ถึง MERV 16 ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดในการกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กและสารก่อภูมิแพ้ พร้อมทั้งมีการออกแบบทิศทางลมภายในพื้นที่ให้หมุนเวียนอย่างเหมาะสม เพื่อควบคุมคุณภาพอากาศภายในให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ (Real-time IAQ Monitoring System) ในโครงการนำร่องหลายแห่ง เพื่อประเมินค่าฝุ่น PM2.5, PM10, ความชื้นสัมพัทธ์ และระดับคาร์บอนไดออกไซด์ โดยระบบสามารถสั่งการอัตโนมัติให้ระบบระบายอากาศทำงานทันทีเมื่อค่าคุณภาพอากาศเกินมาตรฐาน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพของผู้ใช้บริการและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงป้องกัน

การใช้เทคโนโลยี HVAC Air Scrubber และการปรับระบบควบคุมด้วย AI สำหรับระบบปรับอากาศ (AI Chiller Optimization) ยังเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่บริษัทฯ นำมาใช้ในปีที่ผ่านมา เพื่อลดการสะสมของสารระเหย (VOCs) และสารพิษในระบบท่ออากาศ รวมถึงลดการใช้พลังงานโดยไม่กระทบต่อคุณภาพอากาศภายในอาคาร

บริษัทฯ มีการตรวจวัดและรายงานผลคุณภาพอากาศภายในอาคารทุกโครงการเป็นประจำ โดยยึดเกณฑ์คุณภาพอากาศของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และแนวทางการประเมินของมาตรฐานอาคารเขียว (LEED, WELL) เพื่อให้มั่นใจว่าค่าความเข้มข้นของฝุ่นละออง PM2.5 และ PM10 ไม่เกินระดับที่กฎหมายกำหนด และสอดคล้องกับเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ด้านสุขภาวะของผู้มีส่วนได้เสีย

การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ

บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ตระหนักดีว่าความสำเร็จในการจัดการคุณภาพอากาศไม่ได้ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการภายในองค์กรเพียงอย่างเดียว แต่การประสานงานและความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพกับภาคส่วนต่าง ๆ จะช่วยขับเคลื่อนให้ทุกภาคส่วนบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ จึงได้ร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และชุมชนในระดับท้องถิ่น โดยการแลกเปลี่ยนความรู้และทรัพยากรร่วมกันนี้เป็นกลไกที่ช่วยสร้างแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในด้านการจัดการคุณภาพอากาศ และเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับความยั่งยืนในระดับองค์รวม

ด้วยแนวทางการบริหารจัดการที่ครบวงจรและการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้วางรากฐานเพื่อให้การจัดการคุณภาพอากาศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการในยุคที่การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อมและความคาดหวังของสังคมมีความท้าทายมากขึ้นในทุกวัน

ผู้มีส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้อง

ผู้ประกอบการร้านค้าผู้เช่าอาคาร ลูกค้าโครงการที่พักอาศัย
พนักงาน
ลูกค้า
คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ
ชุมชน / ตัวแทนชุมชน รวมหน่วยงานกำกับ ภาครัฐ ภาคการศึกษา องค์กรอิสระ