
การบริหารจัดการความเสี่ยงและภาวะวิกฤต
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
ภายใต้สภาพแวดล้อมที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการบริหารความเสี่ยงที่ซับซ้อน บริษัทฯ ต้องปรับกลยุทธ์และติดตามความเสี่ยงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ โครงสร้างห่วงโซ่คุณค่าที่มีความซับซ้อน ซึ่งเกี่ยวข้องกับคู่ค้า ธุรกิจในเครือ และหน่วยงานต่าง ๆ ทำให้การบริหารความเสี่ยงต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและเป็นระบบ ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯ ยังต้องให้ความสำคัญกับการระบุและรับมือกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามทางไซเบอร์ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งล้วนต้องอาศัยมาตรการเชิงรุกในการบริหารจัดการ นอกจากนี้ การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและการปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่บริษัทฯ ต้องให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม การบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ทำให้สามารถรับมือกับความท้าทายที่ไม่คาดคิดได้ดียิ่งขึ้น การมีระบบบริหารความเสี่ยงที่ดีช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ลดโอกาสเกิดความสูญเสีย และช่วยให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การแสดงให้เห็นถึงแนวทางการบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบและรัดกุมช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่แม่นยำยิ่งขึ้น
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบการบริหารความเสี่ยงที่เป็นระบบและครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรทั้งหมด โดยมีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการรับมือกับความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในระยะยาว บริษัทฯ ได้นำกรอบการบริหารความเสี่ยงตามมาตรฐาน COSO ERM 2017 มาใช้เป็นแนวทางหลักในการกำกับดูแลความเสี่ยง ซึ่งช่วยให้สามารถระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงได้อย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งเชื่อมโยงแนวทางการบริหารความเสี่ยงเข้ากับกลยุทธ์ทางธุรกิจ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Risks) โดยเฉพาะการบริหารความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero Carbon ภายในปี 2593 ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่องค์กรให้ความสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้ การบูรณาการประเด็นความเสี่ยง ESG เข้ากับการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว และสะท้อนความมุ่งมั่นของบริษัทฯ ในการเติบโตอย่างยั่งยืนตามมาตรฐานสากล
การกำกับดูแลความเสี่ยง
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้จัดตั้งโครงสร้างการกำกับดูแลความเสี่ยงที่แข็งแกร่งเพื่อให้มั่นใจว่าการบริหารความเสี่ยงเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ คณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง ซึ่งมีกรรมการอิสระเป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดทิศทางและนโยบายด้านการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ ในขณะที่คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง ซึ่งมี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เป็นประธาน ทำหน้าที่ควบคุมและกำกับดูแลการบริหารความเสี่ยงขององค์กรในทุกมิติ โดยมี ฝ่ายบริหารความเสี่ยง เป็นหน่วยงานสนับสนุนที่ทำหน้าที่เป็นเลขานุการของคณะกรรมการฯ และดูแลการดำเนินงานด้านความเสี่ยงอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมี ฝ่ายตรวจสอบภายใน ทำหน้าที่ประเมินประสิทธิภาพของกระบวนการบริหารความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาลและโปร่งใส
บริษัทฯ กำกับดูแลความเสี่ยง ผ่านการกำหนดนโยบายความเสี่ยง กำหนดระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และ กรอบการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสม รวมทั้ง กำหนดให้การบริหารความเสี่ยงและการควบคุมภายในปฏิบัติงานอย่างเป็นอิสระต่อกัน โดยบริษัทฯ กำกับดูแลความเสี่ยงผ่านคณะกรรมการ และ ผู้บริหาร ดังต่อไปนี้
บริษัทฯ มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง (Risk Policy Committee) ซึ่งมีกรรมการอิสระเป็นประธานกรรมการ และ มีกรรมการบริษัทและกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นกรรมการ โดยมีหน้าที่ รับทราบและให้ข้อเสนอแนะต่อนโยบายความเสี่ยง โครงสร้างและกรอบการบริหารความเสี่ยง และ ความเสี่ยงที่สำคัญ, พิจารณาและให้ความเห็นชอบต่อระดับความเสี่ยง และ ช่วงเบี่ยงเบนของความเสี่ยงที่ยอมรับได้, กำกับดูแล การกำหนดเป้าหมายในการวัดผลการปฏิบัติงาน และ ดัชนีชี้วัดความเสี่ยงที่สำคัญ, พิจารณาความเหมาะสมและประเมินประสิทธิผลของการตอบสนองต่อความเสี่ยงของฝ่ายบริหาร รวมทั้ง รายงานกิจกรรมต่างๆของการบริหารความเสี่ยงต่ออ่านเพิ่มเติมเพื่อรับทราบอย่างสม่ำเสมอ
ในระดับบริหาร คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง (Risk Management Committee) ซึ่งมีกรรมการผู้จัดการใหญ่เป็นประธานกรรมการ และ มีผู้บริหารจากแต่ละฝ่ายงานหลักเป็นกรรมการ โดยมีหน้าที่ กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายความเสี่ยง และ แนวทางการบริหารความเสี่ยง, กำกับดูแลให้หน่วยธุรกิจ ระบุ ประเมิน จัดการ และ รายงานการบริหารความเสี่ยงที่สัมพันธ์กับการบรรลุวัตถุประสงค์ และ ผนวกการบริหารความเสี่ยงเข้าไปในแผนธุรกิจและการรายงานผลดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง, ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมการบริหารความเสี่ยงทั่วทั้งองค์กร รวมทั้ง รายงานผลการบริหารความเสี่ยงต่อคณะกรรมการนโยบายความเสี่ยงและอ่านเพิ่มเติมอย่างสม่ำเสมอ
เพื่อสนับสนุนงานบริหารความเสี่ยง บริษัทมีแผนกบริหารความเสี่ยง เป็น เลขานุการคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง โดยมีหน้าที่ ติดตาม วิเคราะห์ และ รายงานความเสี่ยงสำคัญต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง รวมทั้ง สนับสนุนหน่วยงานเจ้าของความเสี่ยงให้สามารถระบุความเสี่ยงสำคัญ ประเมินระดับความเสี่ยง จัดทำมาตรการจัดการความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม โดยแผนกบริหารความเสี่ยงปฏิบัติงานภายใต้การกำกับดูแล ของ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงาน การเงิน บัญชี และ ความเสี่ยง
บริษัทฯ กำหนดให้แผนกบริหารความเสี่ยง ปฏิบัติงานสนับสนุน สำนักตรวจสอบภายใน ให้สามารถทวนสอบกิจกรรมสำคัญขององค์กร โดยคำนึงถึงระดับความเสี่ยงของหน่วยงาน และ กิจกรรมการดำเนินงาน รวมทั้ง นำผลการตรวจประเมินของสำนักตรวจสอบภายใน เป็น ข้อมูลในการระบุ และ วิเคราะห์ความเสี่ยงสำคัญ นอกจากนี้ แผนกบริหารความเสี่ยงต้องรายงานผลการบริหารความเสี่ยงต่อคณะกรรมการตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง
บริษัทฯ มีกรอบในการกำกับดูแลความเสี่ยง ตามแผนภาพแสดงความสัมพันธ์ ดังต่อไปนี้
กระบวนการบริหารความเสี่ยง
กระบวนการบริหารความเสี่ยงของบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ครอบคลุมตั้งแต่การระบุ วิเคราะห์ และประเมินความเสี่ยง โดยมีการทบทวนระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้เป็นประจำทุกปี หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจ บริษัทฯ ใช้ Risk Map เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยง พร้อมติดตามแนวโน้มความเสี่ยงผ่านตัวชี้วัดความเสี่ยงหลัก (Key Risk Indicators: KRIs) เพื่อนำไปสู่การกำหนดมาตรการลดความเสี่ยงที่เหมาะสม
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังใช้ข้อมูลเชิงคาดการณ์ (Predictive Data) ควบคู่กับตัวชี้วัดความเสี่ยงหลัก เพื่อประเมินแนวโน้มและวางมาตรการป้องกันล่วงหน้า โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความสำคัญเชิงกลยุทธ์ เช่น ความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความผันผวนทางเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำเนินธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังให้ความสำคัญกับการวางแผนรับมือความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร โดยดำเนินมาตรการ Sensitivity Analysis และ Stress Testing เพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการติดตามระดับความเสี่ยงและผลกระทบต่อธุรกิจเป็นรายไตรมาส เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการที่กำหนดสามารถลดผลกระทบของความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บริษัทฯ นำมาตรฐานสากล COSO ERM 2017 มาใช้เป็นกรอบในการบริหารความเสี่ยง โดยมีแผนภาพความสัมพันธ์ในการบริหารความเสี่ยง ดังต่อไปนี้
บริษัทฯ ทบทวนความเสี่ยง (Risk review) และ ระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ (Risk appetite) เพื่อกำหนดความเสี่ยงสำคัญ (Key risks) อย่างสม่ำเสมอ (ปีละครั้ง) หรือ เมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ ส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ
บริษัทฯ ระบุความเสี่ยง โดยคำนึงทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ให้สอดคล้องทิศทางธุรกิจและกลยุทธ์องค์กร พิจารณาโอกาสและผลกระทบของเหตุการณ์ที่มีผลต่อการดำเนินธุรกิจทั้งทางตรงและทางอ้อม แล้วประเมินความเสี่ยง เพื่อจัดลำดับความสำคัญ ด้วยแผนที่ความเสี่ยง (Risk map) แล้วกำหนดแผนจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม เพื่อกำกับและควบคุมความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
บริษัทฯ ติดตามความเสี่ยงผ่านตัวชี้วัดความเสี่ยงสำคัญ (Key Risk Indicators : KRIs) และ ความคืบหน้าของแผนจัดการความเสี่ยงที่กำหนดไว้ เพื่อประเมินระดับความเสี่ยง (Risk exposure) ทุกไตรมาส เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมบริหารความเสี่ยง และ คณะกรรมการนโยบายความเสี่ยง
บริษัทฯ มีการใช้ Sensitivity analysis และ Stress testing เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ความเสี่ยง ทั้งด้าน Financial และ ด้าน Non-Financial โดยพิจารณาเลือกเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบแบบมีนัยยะ เช่น ค่าแรง และ ค่าไฟฟ้า ที่กำลังปรับเพิ่มขึ้น หรือ ภัยแล้งในแต่ละภูมิภาค เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบ และ ความเสี่ยง ต่อผลประกอบการ และ การดำเนินธุรกิจ ของบริษัทฯ
กระบวนการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ จะถูกตรวจสอบ และ ทวนสอบ โดยหน่วยงานตรวจสอบภายใน (Internal Audit) เพื่อให้ทราบถึงประสิทธิภาพ และ ความเหมาะสมในการจัดการ เพื่อดำเนินการแก้ไข และ ปรับปรุงต่อไป
การวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) เฝ้าติดตามแนวโน้มความเสี่ยงที่เกิดขึ้นใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ โดยอ้างอิงข้อมูลจากองค์กรที่มีชื่อเสียง เช่น World Economic Forum (WEF) โดยพบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และ เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เป็นความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบต่อธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ความเสี่ยงจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วมและพายุ อาจทำให้ต้นทุนการพัฒนาและการดำเนินงานเพิ่มขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น นอกจากนี้ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและ ความเสี่ยงด้านไซเบอร์ ยังเป็นปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ เนื่องจากการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัจฉริยะในการดำเนินธุรกิจอาจเพิ่มความเสี่ยงด้านข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์
ความเสี่ยง
ชนิดของความเสี่ยง:
สิ่งแวดล้อม
คำอธิบายความเสี่ยง:
การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในความเสี่ยงที่สำคัญที่สุดที่ บริษัทฯ ต้องเผชิญ โดยมีผลกระทบที่ครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฏิบัติการไปจนถึงระดับกลยุทธ์ ภัยธรรมชาติที่รุนแรงขึ้น เช่น น้ำท่วม พายุ และคลื่นความร้อน อาจส่งผลต่อโครงสร้างพื้นฐานของศูนย์การค้าและโครงการอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทฯ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการซ่อมแซมและบำรุงรักษา นอกจากนี้ กฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้นจากทั้งในประเทศและระดับสากล อาจเพิ่มต้นทุนการดำเนินงานและการพัฒนาโครงการใหม่ๆ หากไม่มีมาตรการที่เหมาะสม บริษัทฯ อาจเผชิญกับความเสี่ยงด้านการลดลงของมูลค่าทรัพย์สิน ความล่าช้าในการพัฒนาโครงการ และการสูญเสียความเชื่อมั่นจากนักลงทุนและผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในทุกโครงการ และออกแบบโครงสร้างพื้นฐานให้ทนทานต่อภัยธรรมชาติ รวมถึงการปรับใช้ระบบพลังงานสะอาดและมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ผลกระทบ:
ความเสียหายต่อทรัพย์สินและโครงสร้างพื้นฐาน ส่งผลให้มีต้นทุนการซ่อมแซมและบำรุงรักษาสูงขึ้น การหยุดชะงักของการดำเนินงานในศูนย์การค้าและโครงการพัฒนา ความจำเป็นในการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น อาจเพิ่มต้นทุนและกระทบต่อระยะเวลาการพัฒนาโครงการ ภาพลักษณ์ของบริษัทฯ อาจได้รับผลกระทบหากไม่ได้ดำเนินมาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างเพียงพอ
แผนการรับมือ:
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศ บริษัทฯ ได้ดำเนินการประเมินความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อมในทุกโครงการและออกแบบ โครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรับมือกับภัยธรรมชาติได้ โดยใช้ระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการใช้พลังงานหมุนเวียน เช่น โครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปในศูนย์การค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการปรับเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อลดความเสี่ยงด้านการกำกับดูแลในอนาคต
ชนิดของความเสี่ยง:
เศรษฐกิจ
คำอธิบายความเสี่ยง:
ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนของภาคธุรกิจและกำลังซื้อของผู้บริโภค หากเศรษฐกิจชะลอตัว การบริโภคและการใช้จ่ายของประชาชนจะลดลง ส่งผลโดยตรงต่อปริมาณผู้เข้าชมศูนย์การค้าและอัตราการเช่าพื้นที่ของ บริษัทฯ นอกจากนี้ หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงของประเทศไทย (89.6% ของ GDP ในไตรมาสที่สองของปี 2567) อาจกระทบต่อยอดขายของผู้เช่าในศูนย์การค้า และส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับโครงสร้างค่าเช่าเพื่อลดผลกระทบต่อพันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัทฯ อาจเผชิญกับความเสี่ยงด้านสภาพคล่องหากเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย การลดลงของอัตราการเช่าอาจกระทบต่อรายได้และกำไรสุทธิ บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นการบริหารจัดการทางการเงินที่รอบคอบ โดยรักษาอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนในระดับที่เหมาะสม กระจายแหล่งเงินทุน และวางกลยุทธ์พัฒนาโครงการให้ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับรายได้ของบริษัทฯ ในระยะยาว
ผลกระทบ:
ความต้องการพื้นที่เช่าลดลง ส่งผลต่อรายได้จากค่าเช่า การบริโภคที่ลดลงอาจกระทบต่อยอดขายของผู้เช่า และอาจนำไปสู่การลดค่าเช่าเพื่อช่วยเหลือผู้เช่า ต้นทุนการดำเนินงานสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อ
แผนการรับมือ:
เพื่อรับมือกับความเสี่ยงดังกล่าว บริษัทฯ ได้ดำเนินกลยุทธ์ทางการเงินที่รอบคอบโดยการกระจายแหล่งเงินทุนให้หลากหลาย และบริหารอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกระแสเงินสด ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดในสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเน้นการพัฒนาโครงการที่เจาะกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพและกระจายความเสี่ยงในพอร์ตสินทรัพย์ของบริษัทฯ
ชนิดของความเสี่ยง:
เทคโนโลยี
คำอธิบายความเสี่ยง:
การพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลที่เพิ่มมากขึ้นในการดำเนินธุรกิจทำให้ บริษัทฯ ตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ ซึ่งอาจส่งผลให้ข้อมูลลูกค้าและพันธมิตรทางธุรกิจรั่วไหล นำไปสู่ความเสียหายด้านชื่อเสียงและค่าปรับจากหน่วยงานกำกับดูแล นอกจากนี้ การโจมตีทางไซเบอร์ยังอาจทำให้ระบบดิจิทัลของบริษัทฯ หยุดชะงัก ส่งผลต่อการให้บริการลูกค้าและความต่อเนื่องทางธุรกิจ
หากไม่มีมาตรการรับมือที่เหมาะสม บริษัทฯ อาจต้องเผชิญกับการสูญเสียความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตรธุรกิจ บริษัทฯ จึงดำเนินมาตรการตามมาตรฐาน ISO 27001:2013 และ NIST SP800-53 เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล พร้อมทั้งจัดทำ Cyber Insurance และฝึกอบรมพนักงานให้มีความเข้าใจเกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์
ผลกระทบ:
การรั่วไหลของข้อมูลอาจนำไปสู่ค่าปรับจากหน่วยงานกำกับดูแล การโจมตีทางไซเบอร์อาจทำให้ระบบดิจิทัลของศูนย์การค้าหยุดชะงัก ส่งผลต่อประสบการณ์ของลูกค้า ความเสียหายต่อชื่อเสียงและความไว้วางใจของลูกค้า
แผนการรับมือ:
บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการป้องกันความเสี่ยงทางไซเบอร์โดยนำมาตรฐานความปลอดภัยข้อมูล เช่น ISO 27001:2013 และ NIST SP800-53 มาใช้ พร้อมทั้งเสริมสร้างระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลผ่านการลงทุนในเทคโนโลยีที่สามารถตรวจจับและป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดอบรมพนักงานเกี่ยวกับการป้องกันและรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง และมีการทำ Cyber Insurance เพื่อช่วยลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์
ชนิดของความเสี่ยง:
การเมือง
คำอธิบายความเสี่ยง:
สภาพแวดล้อมทางการเมืองที่ไม่แน่นอนของประเทศไทย รวมถึงการเปลี่ยนแปลงของนโยบายเศรษฐกิจ อาจกระทบต่อการลงทุนของภาคธุรกิจและความเชื่อมั่นของนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงของภาษีหรือกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับภาคอสังหาริมทรัพย์ อาจทำให้ต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มขึ้น หรือกระทบต่อความสามารถในการขยายโครงการของบริษัทฯ
บริษัทฯ อาจได้รับผลกระทบจากการที่กฎหมายใหม่ๆ บังคับใช้โดยไม่มีการปรับตัวล่วงหน้า ซึ่งอาจเพิ่มภาระด้านต้นทุนและเวลาการดำเนินโครงการ บริษัทฯ จึงติดตามความเคลื่อนไหวของกฎหมายและนโยบายอย่างใกล้ชิด เพื่อให้สามารถปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงได้ทันเวลา
ผลกระทบ:
ความล่าช้าในการพัฒนาโครงการใหม่ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากกฎหมายใหม่ที่ต้องปฏิบัติตาม ความไม่แน่นอนด้านนโยบายอาจลดความเชื่อมั่นของนักลงทุน
แผนการรับมือ:
บริษัทฯ ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายและนโยบายอย่างใกล้ชิด พร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ธุรกิจให้สอดคล้องกับกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลง บริษัทฯ ยังเสริมสร้างความสัมพันธ์กับหน่วยงานภาครัฐเพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ชนิดของความเสี่ยง:
สังคม
คำอธิบายความเสี่ยง:
พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการหันไปใช้แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อการเข้าชมศูนย์การค้าและการใช้บริการภายในโครงการของ บริษัทฯ หากบริษัทฯ ไม่สามารถปรับตัวให้สอดคล้องกับพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภค อาจทำให้รายได้จากพื้นที่เช่าลดลง
บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์โดยมุ่งเน้นการสร้าง “Experience-Based Destination” ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ ผ่านการพัฒนาศูนย์การค้าที่เป็นมากกว่าพื้นที่สำหรับการช้อปปิ้ง แต่เป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิตที่รวมถึงการพักผ่อน กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และการสร้างสังคม นอกจากนี้ บริษัทยังเสริมสร้างช่องทางดิจิทัล และพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถเชื่อมโยงกับการเข้าถึงสินค้าและบริการของผู้เช่า
ผลกระทบ:
อัตราการเข้าชมศูนย์การค้าลดลง ส่งผลต่อรายได้จากพื้นที่เช่า ความจำเป็นในการปรับโครงสร้างของพื้นที่เช่าให้รองรับความต้องการใหม่
แผนการรับมือ:
บริษัทฯ ได้ปรับกลยุทธ์โดยพัฒนา “Experience-Based Destination” ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างในศูนย์การค้า โดยผสมผสานไลฟ์สไตล์ กิจกรรมเพื่อสุขภาพ และความบันเทิงเพื่อดึงดูดลูกค้า นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพัฒนาช่องทางดิจิทัลเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง และเพิ่มการใช้เทคโนโลยีในการเชื่อมต่อระหว่างศูนย์การค้ากับลูกค้า
การบริหารความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ตระหนักถึงความสำคัญของการบริหาร ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า โดยมีแนวทางที่ชัดเจนในการคัดเลือกและประเมินคู่ค้า ตามหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) พร้อมทั้งกำหนดมาตรฐาน Supplier Code of Conduct เพื่อให้แน่ใจว่าคู่ค้าดำเนินธุรกิจภายใต้หลักจริยธรรม และความโปร่งใส นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ดำเนินการ ตรวจสอบและประเมินคู่ค้าใน โครงการพัฒนา 100% พร้อมให้การอบรมแก่คู่ค้าเพื่อเสริมสร้างมาตรฐานการดำ เนินงานและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
วัฒนธรรมความเสี่ยง
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับ การส่งเสริมวัฒนธรรม ความเสี่ยง (Risk Culture) ให้เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร โดยสนับสนุนให้พนักงาน ทุกระดับมีส่วนร่วมในการบริหารความเสี่ยงผ่านการอบรม การสื่อสาร และการประเมินผล บริษัทฯ ดำเนินการฝึกอบรมพนักงานเกี่ยวกับแนวทางการบริหารความเสี่ยง ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และมาตรฐานด้านการกำกับดูแลกิจการ ตลอดจนบูรณาการแนวทางบริหารความเสี่ยงเข้ากับการประเมินผลการทำงานของพนักงาน เพื่อเสริมสร้างความรับผิดชอบและความเข้าใจเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงที่เหมาะสม
บริษัทฯ สร้างและพัฒนา วัฒนธรรมความเสี่ยงขององค์กร ผ่านวิธีการ เครื่องมือ และ แนวทางที่หลากหลาย ได้แก่
- การสร้างความตะหนักในเรื่องเกี่ยวกับการบริหารความเสี่ยงที่สำคัญ ผ่านช่องทางและรูปแบบต่างๆ เช่น การสื่อสารความรู้เกี่ยวกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ การละเมิดกฏหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ผ่าน Email, Workplace เป็นต้น
- การเรียนรู้ด้านการบริหารความเสี่ยง ผ่านหลักสูตร online สำหรับพนักงานทั้งองค์กร และ ผ่านการอบรมและประชุมเชิงปฏิบัติการสำหรับตำแหน่งงานสำคัญ เช่น ผู้จัดการทั่วไปศูนย์การค้า
- การฝึกซ้อม และ ทดสอบ แผนการจัดการภาวะวิกฤต เช่น เพลิงไหม้, วินาศกรรม, ตกจากที่สูง รวมทั้ง ฝึกซ้อมแผนความต่อเนื่องทางธุรกิจ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลอย่างน้อยปีละครั้ง
- การกำหนดให้ ความเสี่ยงเป็นเกณฑ์หนึ่งในการประเมินผลงานของพนักงาน เช่น การจัดการ Incident & Crisis เป็นเกณฑ์ในการประเมินผลงาน ของ เจ้าหน้าที่ LP ในศูนย์การค้า
- การสื่อสารประเด็นความเสี่ยงสำคัญ ผลกระทบ และ การจัดการความเสี่ยง รวมทั้ง ความเสี่ยงที่เกิดใหม่ (Emerging risks) ผ่าน รายงานประจำปี (One Report) เพื่อให้ผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่างๆ ทราบถึงการบริหารความเสี่ยงของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง