
สิทธิมนุษยชน
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
ด้วยธุรกิจที่หลากหลายของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งครอบคลุมศูนย์การค้า โครงการที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรและผู้รับเหมาจำนวนมาก ทำให้การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนมีทั้งความซับซ้อนและความท้าทาย หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การกำกับดูแลห่วงโซ่อุปทาน ให้ทุกภาคส่วนดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน การดูแลพนักงาน ที่มีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรมและความต้องการ ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียม นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการจำเป็นต้อง คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชน เพื่อให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน อีกทั้ง การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ของลูกค้า ผู้เช่า และพนักงาน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในยุคดิจิทัล
ท่ามกลางความท้าทายมากมายเหล่านี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังเล็งเห็นโอกาสในการเป็นผู้นำด้านมาตรฐานสิทธิมนุษยชน ผ่านการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่แข็งแกร่ง โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับแนวทางการบริหารจัดการ เช่น การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับรับเรื่องร้องเรียนที่โปร่งใสและเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และชุมชน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับมาตรฐานแรงงานและการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรม ด้วยความมุ่งมั่นของ บริษัทฯ ในการเคารพสิทธิมนุษยชน บริษัทไม่เพียงสามารถลดความเสี่ยงด้านสังคมและแรงงาน แต่ยังสามารถสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ และขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
ความสำคัญ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2563 และมีการทบทวนอย่างน้อยทุก 3 ปี ล่าสุดเมื่อปี 2567 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การดำเนินธุรกิจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า ผู้รับเหมาช่วง ลูกค้า ผู้เช่า และชุมชน โดยมีการกำหนดคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงหน่วยงานตรวจสอบภายในให้กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายอย่างใกล้ชิด และดำเนินการภายใต้กรอบแนวปฏิบัติของ UNGPs, UNGC และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย
การประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (HRDD) มีการจัดทำทุก 2 ปี และการตรวจสอบรอบด้านทุก 4 ปี โดยใช้เกณฑ์ของ UNGPs, DIHR และ HRIA Toolkit ครอบคลุมบริษัทแม่ บริษัทในเครือ และกิจการที่ควบรวม ทั้งนี้ ในปี 2567 พบประเด็นเสี่ยง 9 ประเด็น โดยมี 3 ประเด็นที่จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง (Salient Issues) บริษัทฯ จึงได้กำหนดแนวทางป้องกัน แผนฟื้นฟู และกระบวนการติดตามผลอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีการฝึกอบรมพนักงานในหัวข้อจรรยาบรรณทางธุรกิจและสิทธิมนุษยชนทุกปี รวมถึงมีการให้ข้อมูลแก่คู่ค้าในการอบรมผ่านคู่มือและช่องทางสื่อสารของบริษัท เพื่อสร้างความเข้าใจและป้องกันความเสี่ยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ช่องทางการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสามารถดำเนินการได้ที่ www.centralpattana.co.th/th/whistle-blowing โดยมีระบบรักษาความลับและการคุ้มครองผู้ร้องเรียนจากการตอบโต้ทุกรูปแบบ บริษัทฯ ได้ติดตามและรายงานผลการรับเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการตรวจสอบและธรรมาภิบาลทุกไตรมาส ในปี 2566 บริษัทฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนจำนวน 2 กรณี และได้ดำเนินการปิดเรื่องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด
ในภาพรวม แนวทางการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ มุ่งเน้นการป้องกันความเสี่ยง การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพในสิทธิของทุกคน พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากล เพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ทุกภาคส่วน
การดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานการเคารพสิทธิมนุษยชน ช่วยส่งเสริม ความเท่าเทียมในที่ทำงาน อีกทั้งยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อม ในการทำงานและวัฒนธรรมองค์กรที่ยอมรับความหลากหลาย รับฟังความคิดเห็น เคารพซึ่งกันและกันในทุกช่วงอายุ ไม่เลือก ปฏิบัติแม้จะมีความแตกต่าง นอกจากสนับสนุนและส่งเสริม ความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงานทั้งขององค์กร ร้านค้า และคู่ค้าแล้ว ยังเป็นการลดความเสี่ยงของการละเมิดสิทธิมนุษยชนตลอดห่วงโซ่ อุปทานที่อาจนำไปสู่การต่อต้านของพนักงาน คู่ค้าและลูกค้า จนเป็นเหตุให้ธุรกิจขัดข้อง สูญเสียชื่อเสียงและความเชื่อมั่น ของผู้มีส่วนได้เสีย
แนวทางบริหารจัดการ
1. บริษัทฯ ดำเนินงานภายใต้นโยบายการเคารพกฎหมาย และหลักสิทธิมนุษยชน และสอดแทรกหลักการเคารพ สิทธิมนุษยชน ในนโยบายการปฏิบัติต่อพนักงาน นโยบาย การบริหารห่วงโซ่อุปทาน นโยบายการปฏิบัติต่อลูกค้า นโยบาย ด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย นโยบายด้านการ ประชาสัมพันธ์และการตลาด อีกทั้งกำหนดในจรรยาบรรณ และหลักการกำกับดูแลกิจการ หน้าที่ 29 และจรรยาบรรณ และแนวทางปฏิบัติของคู่ค้า หน้าที่ 6 สอดคล้องตามกฎหมาย ข้อบังคับในประเทศที่ดำเนินการ หลักการชี้แนะว่าด้วย ธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNDPs) ข้อตกลงโลกแห่งสหประชาชติ (United Nations Global Compact: UNGC) ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights: UDHR) และองค์กรแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Standards: ILO)
2. ส่งเสริมสภาวะการทำงานที่ดี เน้นการดูแลและปฏิบัติ ต่อบุคลากรอย่างเป็นธรรม เท่าเทียม และเหมาะสม ดำเนินการ สนับสนุนและเคารพการปกป้องสิทธิมนุษยชนของพนักงาน และผู้มีส่วนได้เสียต่าง ๆ ได้แก่ ลูกค้า พนักงานร้านค้า พนักงาน ของร้านค้า คู่ค้า พนักงานของคู่ค้า พันธมิตรทางธุรกิจ และ กลุ่มเปราะบาง โดยดูแลมิให้ธุรกิจของบริษัทฯ เข้าไป มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย และข้อกำหนดจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
3. ดำเนินการตามกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่าง รอบด้านทุก 4 ปี และประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ทุก 2 ปี โดยวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน แบ่งตามห่วงโซ่คุณค่า ตั้งแต่การได้มาซึ่งธุรกิจการออกแบบ พัฒนา ก่อสร้าง การบริหาร การปฏิบัติการ การดูแลองค์กร และการดูแลกลุ่มเปราะบางที่ต้องใส่ใจเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ ประเด็นในแต่ละรอบการประเมินจะอ้างอิงตามนโยบาย และจรรยาบรรณฯ ของบริษัทฯ และมีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติม ตามบริบทขององค์กร และข้อมูลป้อนกลับจากครั้งก่อนหน้า
4. จำแนกลักษณะของผลกระทบ และแนวทางในการ ลดผลกระทบ ดังนี้
ผลกระทบ | แนวทางในการลดผลกระทบ |
---|---|
|
|
5. ตรวจสอบ และประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนใน กระบวนการทำงานครอบคลุมการทำงานในทุกกลุ่มธุรกิจ ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนในกระบวนการควบรวมกิจการ การซื้อกิจการ การเข้าถือหุ้น กิจการค้าร่วม และการลงทุน โดยรวมอยู่ในกระบวนการประเมินเรื่อง ESG อย่างรอบด้าน ซึ่งบรรจุในกระบวนการสอบทานธุรกิจก่อนการควบรวมกิจการ
6. นำเครื่องมือตามหลักสากลมาประยุกต์ใช้สอดคล้องตามหลัก ป้องกัน เคารพ และเยียวยาของสหประชาชาติ และทบทวน แผนงานตามหลักการดังกล่าวทุกปี
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ
1. นำรูปแบบแนวทางการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชน อย่างรอบด้านสำหรับบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจัดทำโดย สำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ร่วมกับคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาใช้ ในการประเมินฯ รอบปี 2567-2568 โดยทำการประเมินเป็น 2 ระดับ คือ กลุ่มย่อยผู้ชำนาญการ เพื่อกรองประเด็นความเสี่ยง ด้านสิทธิมนุษยชนที่สำคัญอย่างมีนัยออกมาก่อน และจึงนำ ประเด็นเหล่านั้นบรรจุในแบบประเมินออนไลน์ กำหนด กลุ่มผู้ให้การประเมิน คือ พนักงานทั้งหมด (รวมบริษัทย่อย บริษัทร่วมทุน และบริษัทควบรวมกิจการ) และผู้รับเหมา ช่วง (กลุ่มตัวอย่าง) โดยกำหนดเกณฑ์ประเมิน และหลักการ วิเคราะห์ อ้างอิงตามหลักการของ UNDP- United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights และ DIHR Danish Institute for Human Rights หรือ สถาบันสิทธิมนุษยชนเดนมาร์ก และตามหลักการของ องค์กร Community Insights Group และ HRIA Toolkit ควบคู่กันไป โดยมีพนักงานร่วมประเมินคิดเป็นร้อยละ 23 ของพนักงานทั้งหมด หรือร้อยละ 230 จากเป้าหมายที่ตั้งไว้
2. นำประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนที่สรุปได้จากการ สำรวจออนไลน์จำนวน 10 ประเด็นมาวิเคราะห์ร่วมกับผลที่ได้จากการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านทั้ง 8 ประเด็น (แบ่งตามหมวดหมู่) เพื่อสรุปเป็นประเด็นความเสี่ยง ด้านสิทธิมนุษยชนในระดับสูง (Salient Issues) ได้แก่
- ด้านสิทธิมนุษยชน : การควบคุม ดูแล ป้องกัน ด้านความ ปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
- ด้านสิทธิแรงงาน และสิทธิมนุษยชน : การเคารพ คุ้มครองและส่งเสริมการคุ้มครองบุคคลให้ได้รับความเสมอภาค ความเท่าเทียม และการไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงการใช้ อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ
- ด้านสิทธิแรงงาน : การมีสิทธิเสรีภาพในการเจรจา ต่อรองรวมกลุ่ม หรือการเรียกร้องสวัสดิการ และแจ้งการกระทำ อันไม่เป็นธรรมด้านแรงงาน
ประเด็นสิทธิมนุษยชน | การดำเนินงาน และมาตรการป้องกันและแก้ไข |
---|---|
|
|
|
ในปี 2566 บริษัทฯ ทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในรอบปี 2566-2567 กับพนักงานในทุกกลุ่มธุรกิจ กิจการที่บริษัทฯ ถือหุ้น รวมกิจการค้าร่วม และผู้รับเหมาช่วง ผ่านระบบออนไลน์แบบสุ่มตัวอย่าง มีผู้ตอบรับและให้ความคิดเห็นคิดเป็นร้อยละ 70 ของกลุ่มตัวอย่าง พบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน 9 ประเด็น ประเมินแล้วมีความเสี่ยงระดับสูง (SALIENT ISSUES) 3 ประเด็น บริษัทฯ ได้กำหนดแผนลดความเสี่ยง ตลอดจนวิธีป้องกันเฝ้าระวัง ตรวจสอบแก้ไข และเยียวยา หากมีการละเมิด โดยมีคณะทำงานด้านการสื่อสารบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะทำงานด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบทำาหน้าที่ตรวจสอบ ให้เป็นไปตามกระบวนการและมาตรการสืบสวน ป้องกัน แก้ไข สื่อสาร และติดตาม ของบริษัทฯ
ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงระดับสูง | แผนการดำเนินงาน และมาตรการป้องกันและแก้ไข | ผลการดำเนินงาน |
---|---|---|
การล่วงละเมิดทางกาย และวาจา จากบุคคลภายนอกองค์กร |
|
|
การล่วงละเมิดทางกาย และวาจา จากบุคคลภายในองค์กร |
|
|
สุขภาพ และความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมาช่วง ในสถานปฏิบัติงาน |
|
|
นอกจากนั้นในด้านการปฏิบัติงาน บริษัทฯ ยังคงเคร่งครัดและสุ่มตรวจสอบเอกสารยืนยันการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย ณ ไซต์โครงการก่อสร้างจากทีมที่ปรึกษาและจากแรงงานจังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการขึ้นทะเบียนและตรวจแรงงานผิดกฎหมาย โดยแรงงานต่างชาติ จะต้องขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และแจ้งขึ้นทะเบียนกับผู้จัดการบริหารโครงการทุกราย โดยในปี 2566 มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างชาติในไซด์งานที่เปิดดำเนินการจากผู้รับเหมาจำนวน 28 ราย (นับซ้ำราย) แบ่งออกเป็นสัญชาติกัมพูชาร้อยละ 17 สัญชาติเมียนมาร้อยละ 37 และสัญชาติลาวร้อยละ 1 โดยมีแรงงานสัญชาติไทยร้อยละ 45 จากแรงงานทั้งหมดในทุกไซด์งาน
3. บริษัทฯ แบ่งแผนงานออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) แผนการบรรเทา ผลกระทบเพื่อตอบสนองต่อประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่ มีความเสี่ยงในระดับสูง คือประเด็นด้านความปลอดภัย ในโครงการที่่มีความเสี่่ยงสููง คิดเป็นร้อยละ 28 ของจำนวน โครงการศููนย์การค้าและคอมมููนิตี้้มอลล์ทั้้งหมด และ (2) แผนงานป้องกััน เฝ้าระวััง แก้ไข และเยียวยาหากมีการ ละเมิด เพื่่อตอบสนองต่อประเด็นความเสี่่ยงด้านสิทธิแรงงาน และสิทธิมนุุษยชน ครอบคลุุมทั่่วทั้้งองค์กร ไปจนถึงห่วงโซ่อุุปทาน ในกลุ่มที่่ประเมินแล้วมีความเสี่่ยงในการละเมิดสููง
4. บริษัทฯ กำหนดคณะทำงานด้านการสื่อสารบรรษัทภิบาล และการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะทำงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงหน่วยงาน ที่รับผิดชอบทำหน้าที่ผลักดัน ดำเนินการ และตรวจสอบตามแผนงานที่กำหนด ให้เป็นไปตามกระบวนการและมาตรการ สืบสวน ป้องกัน แก้ไข สื่อสาร และติดตามของบริษัทฯ
นโยบายสิทธิมนุษยชนและการประเมินผลกระทบ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนโดยบูรณาการหลักการนี้เข้ากับการดำเนินธุรกิจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจ้างงาน การบริหารบุคลากร การดูแลผู้เช่า ไปจนถึงการคัดเลือกและกำกับดูแลคู่ค้า นโยบายนี้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การปฏิบัติที่เป็นธรรม การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ความปลอดภัยในการทำงาน เสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองแรงงาน นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด บริษัทฯ ดำเนินการ ประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Due Diligence - HRDD) อย่างน้อยทุกสองปี การประเมินนี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และพัฒนาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนในทุกภาคส่วนของธุรกิจ โดยอาศัยข้อมูลจากผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่ไปกับมาตรฐานสากล
-
บริษัทฯ ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านทุก 4 ปี โดยประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทุก 2 ปี ตามหลักการของ UNDP- United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights และ DIHR - Danish Institute for Human Rights หรือ สถาบันสิทธิมนุษยชนเดนมาร์ก และตามหลักการขององค์กร Community Insights Group และ HRIA Toolkit โดยทำการประเมินทั่วทั้งองค์กร รวมบริษัทย่อย และบริษัทควบรวมกิจการ
-
ประเด็นในการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชน และประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ ครอบคลุมในเรื่อง
- การมีสิทธิเสรีภาพในการเจรจา ต่อรอง รวมกลุ่ม หรือการเรียกร้องสวัสดิการ และแจ้งการกระทำอันไม่เป็นธรรมด้านแรงงาน ผ่านสหภาพแรงงาน หรือ คณะทำงานด้านสวัสดิการที่พึงมี
- การคุ้มครองเสรีภาพในการไม่ถูกใช้แรงงานบังคับ หรือถูกเกณฑ์แรงงานในทุกรูปแบบ อาทิ การบังคับให้บุคคลทำงานโดยไม่สมัครใจ ด้วยวิธีการต่างๆ โดยบุคคลนั้นไม่สามารถขัดขืนการถูกบังคับได้
- การเคารพ คุ้มครอง และ ส่งเสริมการคุ้มครองบุคคลให้ได้รับความเสมอภาค ความเท่าเทียม และการไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ จากบุคลากรในที่ทำงาน
- การควบคุม ดูแล ป้องกัน ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานต่างๆที่พึงมี
- การคำนึงถึงการใช้แรงงานเด็ก ในกระบวนการทำงานต่างๆ รวมถึง การตรวจสอบบริษัทคู่ค้า ให้ดำเนินธุรกิจโดยไม่มีการใช้แรงงานเด็ก หรือปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมกับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ตามคู่มือของบริษัทฯ หรือ ไม่เป็นไปตามที่กฏหมายกำหนด
- การรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ของพนักงาน และ ผู้เกี่ยวข้องให้ห่วงโซ่อุปทาน (PDPA)
- การคำนึงถึงสิทธิของชุมชนท้องถิ่น และชนกลุ่มน้อย ด้วยการไม่ละเมิด รุกล้ำ ทำลาย ที่ดิน ที่ทำกิน หรือ ที่อยู่อาศัย รวมถึงการก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก่อให้เกิดมลพิษ น้ำเสีย เสียง ฝุ่น ขยะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น และ ชนกลุ่มน้อย ในการดำเนินชีวิต หรือ ประกอบวิชาชีพ
- การละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การถูกล่วงละเมิดทางกาย วาจา ในประเด็นต่างๆ อาทิ เพศสภาพ การแต่งกาย ความเชื่อ ศาสนา ฯลฯ รวมถึงจากกลุ่มอื่น เช่น จากลูกค้า จากร้านค้า จากผู้รับเหมา หรือจากหน่วยงานภายนอกที่ได้ติดต่อประสานงาน
- การบริหารจัดการน้ำของบริษัทฯ จากแหล่งน้ำเป็นไปตามกฎ/หลักการบริการจัดการ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนหรือสิทธิการใช้น้ำของผู้อื่น เช่น การใช้น้ำมากเกินความจำเป็น การปล่อยน้ำเสีย รวมถึงการตรวจสอบบริษัทคู่ค้า ให้ดำเนินธุรกิจโดยใช้แหล่งน้ำอย่างเคารพต่อสิ่งแวดล้อม
- การจัดการขยะ มลพิษ และวัตถุอันตราย อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ประเด็นในแต่ละรอบการประเมินจะอ้างอิงตามนโยบายและจรรยาบรรณฯ ของบริษัทฯ มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมตามบริบทขององค์กร และข้อมูลป้อนกลับจากปีก่อนหน้า
ผลกระทบ | แนวทางในการลดผลกระทบ |
---|---|
|
|
การบริหารสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่คุณค่า
สำหรับพนักงาน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความเสมอภาคและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม ผ่านโครงการและนโยบายที่ส่งเสริมโอกาสทางอาชีพที่เท่าเทียมกัน บริษัทสนับสนุนให้พนักงานสามารถเติบโตและพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดทางเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือศาสนา นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ด้วยมาตรการที่เป็นไปตามมาตรฐานอาชีวอนามัยระดับสากล รวมถึงช่องทางร้องเรียนที่ช่วยให้พนักงานสามารถแจ้งปัญหาหรือข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนได้โดยตรง
สำหรับผู้เช่าและพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน และแรงงานอย่างเคร่งครัด ผ่านคู่มือจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับสิทธิ แรงงาน การป้องกันการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นธรรม นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดการ อบรมด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
สำหรับชุมชน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดยรอบโครงการโดยดำเนินโครงการ ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เช่น การสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น การสร้างงาน และการส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน
นอกจากนี้เซ็นทรัลพัฒนายังออกแบบพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการใช้บริการของศูนย์การค้าและพื้นที่สาธารณะ
การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงทางไซเบอร์
ในยุคดิจิทัล การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ผู้เช่า และพนักงานเป็นสิ่งที่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญสูงสุด บริษัทได้ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการบริหารจัดการข้อมูลที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 27001 และ PDPA เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน พร้อมเปิดช่องทางให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องสามารถแจ้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส
ธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลด้านสิทธิมนุษยชนและความยั่งยืนที่ทำหน้าที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนในทุกกระบวนการขององค์กร คณะกรรมการนี้มีบทบาทสำคัญในการพิจารณามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงานให้แก่คณะกรรมการบริหาร
กลไกการร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ ได้เปิดช่องทางการแจ้งเบาะแสและร้องเรียนที่เข้าถึงง่าย ครอบคลุมทั้งพนักงาน พันธมิตร ลูกค้า และผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีการกำกับดูแลให้กระบวนการดังกล่าวเป็นความลับ เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ยังมีมาตรการปกป้องผู้ร้องเรียนจากการถูกตอบโต้ทุกรูปแบบ และรายงานผลต่อคณะกรรมการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นในทุกระดับของห่วงโซ่คุณค่า และดำเนินการฟื้นฟูและบรรเทาผลกระทบตามหลัก “Do No Harm” และ “Remedy First”
มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่เคารพสิทธิมนุษยชน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรม และความโปร่งใส เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
โครงการที่สําคัญ
- ได้รับรางวัล "องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชน ปี 2567" ประเภทองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ระดับดีเด่น เป็นปีแรก สะท้อนการให้ความสำคัญกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย ผ่านนโยบายและวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญ ด้านสิทธิมนุษยชนที่เข้มแข็ง จัดโดยกรมคุ้มครองสิทธิ และเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม
- ได้รับรางวัล "อรรธนารีศวร” ด้านส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ของชุมชนหลากหลายทางเพศ ประเภทหน่วยงานภาคธุรกิจ จัดโดย สมาคมฟ้าสีรุ้งแห่งประเทศไทย และพันธมิตรภาค ประชาสังคม
- จัดกิจกรรม "Central Pattana x Unicef: Human Rights Initiatives for being Respectful Workplace" โดยเชิญ ผู้เชี่ยวชาญจากยูนิเซฟ - กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ จัดเวิร์กช้อป ภายใต้แนวคิด 'Respectful Workplace มาทำงานก็เซฟใจ กลับบ้านไปก็เซฟโซน” ปูพื้นฐานและ สร้างความเข้าใจเรื่องของสิทธิมนุษยชน และการดูแลจิตใจ พร้อมส่งเสริมสุขภาวะจิตให้กับพนักงาน ได้เรียนรู้และเข้าใจ อารมณ์ตนเองของผู้อื่น ซึ่งนำไปสู่การปฏิบัติต่อกันด้วย ความเคารพกันและกัน ซึ่งได้รับการตอบรับจากพนักงาน กว่า 50 ราย ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ประชาสัมพันธ์และได้รับ ความอนุเคราะห์ถ่ายทอดเรื่องราว #TheSoundofHappiness จากแคมเปญ The Sound of Happiness ของ Unicef กรมสุขภาพจิต และ JOOX ในช่องทางสื่อสารภายใน องค์กรอีกด้วย
- จัดกิจกรรม Central Group Corporate Governance Day กิจกรรมเสวนาภายใต้แนวคิด สุขใจทุกการทำงานกับ "WorkJoy” ความเท่าเทียมกันที่ยั่งยืน โดยเชิญบุคลากร ที่เชี่ยวชาญของแต่ละบริษัท ในกลุ่มเซ็นทรัล ร่วมแบ่งปันประสบการณ์การทำงานในด้านสิทธิมนุษยชนภายในองค์กร ให้กับพนักงานที่สนใจในทุกบริษัทในกลุ่มเซ็นทรัล มีพนักงาน สนใจเข้าร่วมฟังออนไลน์ทั้งสิ้น 2,071 คน (นับเฉพาะในวาระ เรื่องสิทธิมนุษยชน)
- จัดกิจกรรม Thailand's Pride Celebration 2024 "Pride For All" ฉลอง Pride Month ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ รวมกว่า 46 งาน ใน 20 จังหวัด ซึ่งจัดต่อเนื่องมากว่า 5 ปี พร้อมผลักดันประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Pride 2030 และร่วมประกาศความภาคภูมิใจของประเทศไทย ที่ได้เป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีกฎหมาย สมรสเท่าเทียม ในทุกสื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ
- จัดสรรพื้นที่ฟรีให้กับผู้พิการ ได้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล โดยถูกต้องตามกฎหมายและคำนึงถึงประโยชน์ของผู้พิการ เป็นที่ตั้ง โดยในปี 2567 มีผู้พิการจำนวน 46 ราย เข้าร่วม โครงการดังกล่าว คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.6 ต่อพนักงาน ทั้งหมด หรือคิดเป็นมูลค่าทางสังคมเท่ากับ 7.9 ล้านบาท
- จัดจ้างผู้พิการทางสายตาให้บริการในกิจกรรมนวดบำบัด สำหรับพนักงาน ซึ่งจัดเป็นประจำทุกเดือน รวมอัตราจ้าง ทั้งสิ้น 15 คน โดยเปิดกว้างให้พนักงานจากบริษัทคู่ค้าที่ทำงาน ในพื้นที่สำนักงาน เช่น พนักงานทำความสะอาด และเจ้าหน้าที่ รักษาความปลอดภัย สามารถเข้ารับบริการได้เช่นกัน
- สนับสนุนสิทธิในการได้รับการเรียนรู้ในเด็กเล็ก โดยเปิดธุรกิจใหม่ "First Class Preschool” ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยสองภาษา ที่มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะที่สำคัญในช่วง 1-6 ปี เสริมสร้าง ตัวตนเด็ก ๆ พร้อมทักษะสมอง Executive Functions (EF) วินัยเชิงบวก และการพัฒนารอบด้านทั้งด้านร่างกาย สังคม อารมณ์ และการสื่อสารทั้งสองภาษา ซึ่งจะเป็นรากฐานสำคัญ สู่ความสุขและความสำเร็จในอนาคต ณ เซ็นทรัล เวสต์วิลล์
- สนับสนุนสิทธิ และคุณค่าของคนวัยเกษียณ โดยร่วมกับ ธุรกิจเพื่อสังคม-ยังแฮปปี้ และมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา จัดกิจกรรมทางการตลาด 'Eldergy Festival บูสพลังเก๋า เติมคุณค่าไม่มีหมด” ณ ศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา จัดเทศกาลเพื่อชาวสูงวัย ร่วมเติมคุณค่าในตัวเอง สู่การ เปลี่ยนแปลงสังคมให้ดียิ่งขึ้น ในคอนเซปต์ “สนุก มีคุณค่า พึ่งพาตัวเองได้” ซึ่งประกอบด้วย โซนสนุก - มินิคอนเสิร์ต เวิร์กช็อปและกิจกรรมมากมาย โซนมีคุณค่า - บูสพลังงานบวก ด้วยนิทรรศการแสดงผลงานโครงการส่งเสริมศักยภาพผู้สูงอายุ พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงสังคมเมือง จากมูลนิธิสุทธิรัตน์ อยู่วิทยา และโซนพึ่งพาตนเองได้ - เพิ่มพลังการสร้างสรรค์ ด้วยตลาดนัดวัยเก๋า ช้อปของดีราคาไม่แพง พร้อมมองหา โอกาสสร้างอาชีพใหม่ ๆ