
สิทธิมนุษยชน
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
ด้วยธุรกิจที่หลากหลายของ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ซึ่งครอบคลุมศูนย์การค้า โครงการที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม รวมถึงการทำงานร่วมกับพันธมิตรและผู้รับเหมาจำนวนมาก ทำให้การบริหารจัดการด้านสิทธิมนุษยชนมีทั้งความซับซ้อนและความท้าทาย หนึ่งในประเด็นสำคัญคือ การกำกับดูแลห่วงโซ่อุปทาน ให้ทุกภาคส่วนดำเนินงานตามหลักสิทธิมนุษยชน ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกัน การดูแลพนักงาน ที่มีความหลากหลายทั้งด้านวัฒนธรรมและความต้องการ ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียม นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการจำเป็นต้อง คำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชน เพื่อให้การเติบโตของธุรกิจเป็นไปอย่างสมดุลและยั่งยืน อีกทั้ง การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ของลูกค้า ผู้เช่า และพนักงาน ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ต้องดำเนินการอย่างเคร่งครัดในยุคดิจิทัล
ท่ามกลางความท้าทายมากมายเหล่านี้ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยังเล็งเห็นโอกาสในการเป็นผู้นำด้านมาตรฐานสิทธิมนุษยชน ผ่านการกำหนดนโยบายและแนวปฏิบัติที่แข็งแกร่ง โดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับแนวทางการบริหารจัดการ เช่น การใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับรับเรื่องร้องเรียนที่โปร่งใสและเข้าถึงง่าย นอกจากนี้ การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ องค์กรพัฒนาเอกชน และชุมชน จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับมาตรฐานแรงงานและการดำเนินธุรกิจที่เป็นธรรม ด้วยความมุ่งมั่นของ บริษัทฯ ในการเคารพสิทธิมนุษยชน บริษัทไม่เพียงสามารถลดความเสี่ยงด้านสังคมและแรงงาน แต่ยังสามารถสร้างความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ และขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลักสิทธิมนุษยชนสากล โดยนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2563 และมีการทบทวนอย่างน้อยทุก 3 ปี ล่าสุดเมื่อปี 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การดำเนินธุรกิจและความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสีย
การดำเนินการด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ได้แก่ พนักงาน คู่ค้า ผู้รับเหมาช่วง ลูกค้า ผู้เช่า และชุมชน โดยมีการกำหนดคณะทำงานด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงหน่วยงานตรวจสอบภายในให้กำกับดูแลการปฏิบัติตามนโยบายอย่างใกล้ชิด และดำเนินการภายใต้กรอบแนวปฏิบัติของ UNGPs, UNGC และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย
การประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (HRDD) มีการจัดทำทุก 2 ปี และการตรวจสอบรอบด้านทุก 4 ปี โดยใช้เกณฑ์ของ UNGPs, DIHR และ HRIA Toolkit ครอบคลุมบริษัทแม่ บริษัทในเครือ และกิจการที่ควบรวม ทั้งนี้ ในปี 2566 พบประเด็นเสี่ยง 9 ประเด็น โดยมี 3 ประเด็นที่จัดอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง (Salient Issues) บริษัทฯ จึงได้กำหนดแนวทางป้องกัน แผนฟื้นฟู และกระบวนการติดตามผลอย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้จัดให้มีการฝึกอบรมพนักงานในหัวข้อจรรยาบรรณทางธุรกิจและสิทธิมนุษยชนทุกปี รวมถึงมีการให้ข้อมูลแก่คู่ค้าในการอบรมผ่านคู่มือและช่องทางสื่อสารของบริษัท เพื่อสร้างความเข้าใจและป้องกันความเสี่ยงตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ช่องทางการร้องเรียนเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนสามารถดำเนินการได้ที่ www.centralpattana.co.th/th/whistle-blowing โดยมีระบบรักษาความลับและการคุ้มครองผู้ร้องเรียนจากการตอบโต้ทุกรูปแบบ บริษัทฯ ได้ติดตามและรายงานผลการรับเรื่องร้องเรียนต่อคณะกรรมการตรวจสอบและธรรมาภิบาลทุกไตรมาส ในปี 2566 บริษัทฯ ได้รับเรื่องร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชนจำนวน 2 กรณี และได้ดำเนินการปิดเรื่องครบถ้วนภายในระยะเวลาที่กำหนด
ในภาพรวม แนวทางการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ มุ่งเน้นการป้องกันความเสี่ยง การเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ และการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่เคารพในสิทธิของทุกคน พร้อมยกระดับมาตรฐานสู่ระดับสากล เพื่อสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนแก่ทุกภาคส่วน
นโยบายสิทธิมนุษยชนและการประเมินผลกระทบ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กำหนดนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนโดยบูรณาการหลักการนี้เข้ากับการดำเนินธุรกิจในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การจ้างงาน การบริหารบุคลากร การดูแลผู้เช่า ไปจนถึงการคัดเลือกและกำกับดูแลคู่ค้า นโยบายนี้ครอบคลุมประเด็นสำคัญ เช่น การปฏิบัติที่เป็นธรรม การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ ความปลอดภัยในการทำงาน เสรีภาพในการสมาคม และการคุ้มครองแรงงาน นอกจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าการดำเนินงานเป็นไปตามแนวทางที่กำหนด บริษัทฯ ดำเนินการ ประเมินผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน (Human Rights Due Diligence - HRDD) อย่างน้อยทุกสองปี การประเมินนี้ช่วยให้บริษัทฯ สามารถระบุความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น และพัฒนาแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนในทุกภาคส่วนของธุรกิจ โดยอาศัยข้อมูลจากผู้มีส่วนได้เสีย ควบคู่ไปกับมาตรฐานสากล
-
บริษัทฯ ดำเนินการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านทุก 4 ปี โดยประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนทุก 2 ปี ตามหลักการของ UNDP- United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights และ DIHR - Danish Institute for Human Rights หรือ สถาบันสิทธิมนุษยชนเดนมาร์ก และตามหลักการขององค์กร Community Insights Group และ HRIA Toolkit โดยทำการประเมินทั่วทั้งองค์กร รวมบริษัทย่อย และบริษัทควบรวมกิจการ
-
ประเด็นในการตรวจสอบด้านสิทธิมนุษยชน และประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนของบริษัทฯ ครอบคลุมในเรื่อง
- การมีสิทธิเสรีภาพในการเจรจา ต่อรอง รวมกลุ่ม หรือการเรียกร้องสวัสดิการ และแจ้งการกระทำอันไม่เป็นธรรมด้านแรงงาน ผ่านสหภาพแรงงาน หรือ คณะทำงานด้านสวัสดิการที่พึงมี
- การคุ้มครองเสรีภาพในการไม่ถูกใช้แรงงานบังคับ หรือถูกเกณฑ์แรงงานในทุกรูปแบบ อาทิ การบังคับให้บุคคลทำงานโดยไม่สมัครใจ ด้วยวิธีการต่างๆ โดยบุคคลนั้นไม่สามารถขัดขืนการถูกบังคับได้
- การเคารพ คุ้มครอง และ ส่งเสริมการคุ้มครองบุคคลให้ได้รับความเสมอภาค ความเท่าเทียม และการไม่เลือกปฏิบัติ รวมถึงการใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ จากบุคลากรในที่ทำงาน
- การควบคุม ดูแล ป้องกัน ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและเป็นไปตามมาตรฐานต่างๆที่พึงมี
- การคำนึงถึงการใช้แรงงานเด็ก ในกระบวนการทำงานต่างๆ รวมถึง การตรวจสอบบริษัทคู่ค้า ให้ดำเนินธุรกิจโดยไม่มีการใช้แรงงานเด็ก หรือปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมกับกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ตามคู่มือของบริษัทฯ หรือ ไม่เป็นไปตามที่กฏหมายกำหนด
- การรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และสิทธิในการเข้าถึงข้อมูล อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ของพนักงาน และ ผู้เกี่ยวข้องให้ห่วงโซ่อุปทาน (PDPA)
- การคำนึงถึงสิทธิของชุมชนท้องถิ่น และชนกลุ่มน้อย ด้วยการไม่ละเมิด รุกล้ำ ทำลาย ที่ดิน ที่ทำกิน หรือ ที่อยู่อาศัย รวมถึงการก่อให้เกิดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม เช่น ก่อให้เกิดมลพิษ น้ำเสีย เสียง ฝุ่น ขยะ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อชุมชนท้องถิ่น และ ชนกลุ่มน้อย ในการดำเนินชีวิต หรือ ประกอบวิชาชีพ
- การละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่น การถูกล่วงละเมิดทางกาย วาจา ในประเด็นต่างๆ อาทิ เพศสภาพ การแต่งกาย ความเชื่อ ศาสนา ฯลฯ รวมถึงจากกลุ่มอื่น เช่น จากลูกค้า จากร้านค้า จากผู้รับเหมา หรือจากหน่วยงานภายนอกที่ได้ติดต่อประสานงาน
- การบริหารจัดการน้ำของบริษัทฯ จากแหล่งน้ำเป็นไปตามกฎ/หลักการบริการจัดการ เพื่อลดผลกระทบต่อชุมชนหรือสิทธิการใช้น้ำของผู้อื่น เช่น การใช้น้ำมากเกินความจำเป็น การปล่อยน้ำเสีย รวมถึงการตรวจสอบบริษัทคู่ค้า ให้ดำเนินธุรกิจโดยใช้แหล่งน้ำอย่างเคารพต่อสิ่งแวดล้อม
- การจัดการขยะ มลพิษ และวัตถุอันตราย อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ประเด็นในแต่ละรอบการประเมินจะอ้างอิงตามนโยบายและจรรยาบรรณฯ ของบริษัทฯ มีการปรับเปลี่ยนเพิ่มเติมตามบริบทขององค์กร และข้อมูลป้อนกลับจากปีก่อนหน้า
ผลกระทบ | แนวทางในการลดผลกระทบ |
---|---|
|
|
ในปี 2566 บริษัทฯ ทำการประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในรอบปี 2566-2567 กับพนักงานในทุกกลุ่มธุรกิจ กิจการที่บริษัทฯ ถือหุ้น รวมกิจการค้าร่วม และผู้รับเหมาช่วง ผ่านระบบออนไลน์แบบสุ่มตัวอย่าง มีผู้ตอบรับและให้ความคิดเห็นคิดเป็นร้อยละ 70 ของกลุ่มตัวอย่าง พบประเด็นความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน 9 ประเด็น ประเมินแล้วมีความเสี่ยงระดับสูง (SALIENT ISSUES) 3 ประเด็น บริษัทฯ ได้กำหนดแผนลดความเสี่ยง ตลอดจนวิธีป้องกันเฝ้าระวัง ตรวจสอบแก้ไข และเยียวยา หากมีการละเมิด โดยมีคณะทำงานด้านการสื่อสารบรรษัทภิบาลและการพัฒนาอย่างยั่งยืน คณะทำงานด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน รวมถึงหน่วยงานที่รับผิดชอบทำาหน้าที่ตรวจสอบ ให้เป็นไปตามกระบวนการและมาตรการสืบสวน ป้องกัน แก้ไข สื่อสาร และติดตาม ของบริษัทฯ
ประเด็นสิทธิมนุษยชนที่มีความเสี่ยงระดับสูง | แผนการดำเนินงาน และมาตรการป้องกันและแก้ไข | ผลการดำเนินงาน |
---|---|---|
การล่วงละเมิดทางกาย และวาจา จากบุคคลภายนอกองค์กร |
|
|
การล่วงละเมิดทางกาย และวาจา จากบุคคลภายในองค์กร |
|
|
สุขภาพ และความปลอดภัยของพนักงานและผู้รับเหมาช่วง ในสถานปฏิบัติงาน |
|
|
นอกจากนั้นในด้านการปฏิบัติงาน บริษัทฯ ยังคงเคร่งครัดและสุ่มตรวจสอบเอกสารยืนยันการจ้างแรงงานถูกกฎหมาย ณ ไซต์โครงการก่อสร้างจากทีมที่ปรึกษาและจากแรงงานจังหวัด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการขึ้นทะเบียนและตรวจแรงงานผิดกฎหมาย โดยแรงงานต่างชาติ จะต้องขึ้นทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย และแจ้งขึ้นทะเบียนกับผู้จัดการบริหารโครงการทุกราย โดยในปี 2566 มีการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างชาติในไซด์งานที่เปิดดำเนินการจากผู้รับเหมาจำนวน 28 ราย (นับซ้ำราย) แบ่งออกเป็นสัญชาติกัมพูชาร้อยละ 17 สัญชาติเมียนมาร้อยละ 37 และสัญชาติลาวร้อยละ 1 โดยมีแรงงานสัญชาติไทยร้อยละ 45 จากแรงงานทั้งหมดในทุกไซด์งาน
การบริหารสิทธิมนุษยชนในห่วงโซ่คุณค่า
สำหรับพนักงาน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนความเสมอภาคและการอยู่ร่วมกันอย่างเท่าเทียม ผ่านโครงการและนโยบายที่ส่งเสริมโอกาสทางอาชีพที่เท่าเทียมกัน บริษัทสนับสนุนให้พนักงานสามารถเติบโตและพัฒนาศักยภาพได้อย่างเต็มที่โดยไม่มีข้อจำกัดทางเพศ อายุ เชื้อชาติ หรือศาสนา นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับสุขภาพและความปลอดภัยในการทำงาน ด้วยมาตรการที่เป็นไปตามมาตรฐานอาชีวอนามัยระดับสากล รวมถึงช่องทางร้องเรียนที่ช่วยให้พนักงานสามารถแจ้งปัญหาหรือข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชนได้โดยตรง
สำหรับผู้เช่าและพันธมิตรทางธุรกิจ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กำหนดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิทธิมนุษยชน และแรงงานอย่างเคร่งครัด ผ่านคู่มือจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่กำหนดมาตรฐานขั้นต่ำเกี่ยวกับสิทธิ แรงงาน การป้องกันการใช้แรงงานเด็กและแรงงานบังคับ และการส่งเสริมสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เป็นธรรม นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดการ อบรมด้านสิทธิมนุษยชนให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อยกระดับความเข้าใจและแนวทางปฏิบัติที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
สำหรับชุมชน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนโดยรอบโครงการโดยดำเนินโครงการ ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ เช่น การสนับสนุนผู้ประกอบการท้องถิ่น การสร้างงาน และการส่งเสริมการพัฒนาเมืองที่ยั่งยืน
นอกจากนี้เซ็นทรัลพัฒนายังออกแบบพื้นที่ให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในการใช้บริการของศูนย์การค้าและพื้นที่สาธารณะ
การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลและความมั่นคงทางไซเบอร์
ในยุคดิจิทัล การปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า ผู้เช่า และพนักงานเป็นสิ่งที่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญสูงสุด บริษัทได้ดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์และการบริหารจัดการข้อมูลที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 27001 และ PDPA เพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้กำหนดนโยบายความเป็นส่วนตัวที่ชัดเจน พร้อมเปิดช่องทางให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องสามารถแจ้งปัญหาที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลได้อย่างปลอดภัยและโปร่งใส
ธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจด้วยหลักธรรมาภิบาลและความโปร่งใส โดยมีคณะกรรมการกำกับดูแลด้านสิทธิมนุษยชนและความยั่งยืนที่ทำหน้าที่กำกับ ติดตาม และตรวจสอบแนวปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชนในทุกกระบวนการขององค์กร คณะกรรมการนี้มีบทบาทสำคัญในการพิจารณามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาด้านสิทธิมนุษยชน รวมถึงการรายงานผลการดำเนินงานให้แก่คณะกรรมการบริหาร
กลไกการร้องเรียนด้านสิทธิมนุษยชน
บริษัทฯ ได้เปิดช่องทางการแจ้งเบาะแสและร้องเรียนที่เข้าถึงง่าย ครอบคลุมทั้งพนักงาน พันธมิตร ลูกค้า และผู้เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีการกำกับดูแลให้กระบวนการดังกล่าวเป็นความลับ เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพ พร้อมกันนี้ยังมีมาตรการปกป้องผู้ร้องเรียนจากการถูกตอบโต้ทุกรูปแบบ และรายงานผลต่อคณะกรรมการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอ
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้มีการประเมินและวิเคราะห์ผลกระทบจากการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้นในทุกระดับของห่วงโซ่คุณค่า และดำเนินการฟื้นฟูและบรรเทาผลกระทบตามหลัก “Do No Harm” และ “Remedy First”
มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่เคารพสิทธิมนุษยชน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ โดยให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชน ความเป็นธรรม และความโปร่งใส เพื่อสร้างความไว้วางใจให้กับผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และขับเคลื่อนองค์กรสู่การเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน