
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ดำเนินธุรกิจที่ครอบคลุมหลายภาคส่วนและมีผู้มีส่วนได้เสียจำนวนมาก ซึ่งนำมาทั้งความท้าทายและโอกาสในการบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย บริษัทฯ ต้องดูแลความปลอดภัยในหลากหลายพื้นที่ปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นไซต์ก่อสร้าง ศูนย์การค้า สำนักงาน หรือโครงการที่อยู่อาศัย ซึ่งแต่ละประเภทมีความเสี่ยงเฉพาะตัว การบริหารจัดการความปลอดภัยให้ครอบคลุมทุกภาคส่วนจึงเป็นเรื่องที่ซับซ้อน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังต้องคำนึงถึงการดูแลความปลอดภัยของผู้มีส่วนได้เสียที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ผู้รับเหมา ผู้เช่า และลูกค้า ซึ่งต้องอาศัยแนวทางแบบองค์รวมในการดำเนินงาน มากไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการบังคับใช้มาตรฐานด้านความปลอดภัยให้กับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะผู้รับเหมาและผู้เช่า เพื่อให้มั่นใจว่าทุกภาคส่วนปฏิบัติตามกฎระเบียบและมาตรฐานด้านความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการเตรียมความพร้อมและการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน เช่น อุบัติเหตุหรือภัยพิบัติทางธรรมชาติในพื้นที่ปฏิบัติงานที่กระจายตัวอยู่หลายแห่ง จำเป็นต้องมีการวางแผนและการประสานงานที่เข้มแข็ง ขณะเดียวกัน การเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลด้านความปลอดภัยเพื่อระบุแนวโน้ม ประเมินความเสี่ยง และติดตามผลการดำเนินงานก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีโอกาสที่จะยกระดับมาตรฐานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยสามารถส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยผ่านการฝึกอบรม การสื่อสาร และการมีส่วนร่วมของพนักงานและคู่ค้า ซึ่งจะช่วยเพิ่มความตระหนักรู้และความรับผิดชอบในการดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยให้มากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังสามารถใช้เทคโนโลยี เช่น ระบบ Smart Property ในการบริหารจัดการความปลอดภัย ตรวจสอบเหตุการณ์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองต่อสถานการณ์ฉุกเฉินได้ดียิ่งขึ้น
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน โดยดำเนินการตามมาตรฐานสากล ISO 45001 เพื่อเสริมสร้างระบบการบริหารจัดการความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุและโรคจากการทำงาน และสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001:2018 สำหรับศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่, เซ็นทรัล พระราม 3, เซ็นทรัล พระราม 9, เซ็นทรัล จันทบุรี และอาคารสำนักงาน CentralWorld Offices พร้อมแผนขยายการรับรองสู่สาขาอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในการทำงานให้ปลอดภัยและยั่งยืน
บริษัทฯ ได้กำหนดแนวทางการดำเนินงานด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ผ่านโครงสร้างการบริหารที่ครอบคลุมทุกระดับ โดยมีการแต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (คปอ.) ทั้งในระดับองค์กรและระดับสาขา เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านความปลอดภัยให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้มีการนำระบบบริหารจัดการแบบ QSHE (Quality, Security, Safety, Occupational Health and Environment) มาใช้ควบคู่กับมาตรฐาน ISO 45001 เพื่อให้การบริหารจัดการครอบคลุมทั้งคุณภาพ ความมั่นคง ความปลอดภัย และสุขภาพของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม
บริษัทฯ ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้ระบบ Color-Code Condition ซึ่งเป็นเครื่องมือในการประเมินสถานการณ์ความเสียหายและความเสี่ยงที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงมาตรการป้องกันที่เหมาะสมและทันต่อสถานการณ์ อีกทั้งยังบูรณาการเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย โดยใช้ระบบ Smart Property ในการบันทึกอุบัติเหตุ และติดตามกระบวนการแก้ไขเยียวยาแบบเรียลไทม์ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน พร้อมทั้งติดตั้งระบบ CCTV และเซ็นเซอร์ความปลอดภัยในพื้นที่ศูนย์การค้าและโครงการก่อสร้าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเฝ้าระวังและป้องกันอุบัติเหตุอย่างครอบคลุมทุกมิติ
การบริหารความเสี่ยงและมาตรการป้องกัน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันความเสี่ยงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างครอบคลุมในทุกกระบวนการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นในขั้นตอนการพัฒนาโครงการก่อสร้าง การบริหารศูนย์การค้า และการดูแลสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยมีแนวทางสำคัญ ได้แก่
-
การฝึกอบรมด้านความปลอดภัยให้กับพนักงานและคู่ค้า
เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเสี่ยงและแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม อ้างอิงตามมาตรฐาน ISO 45001
-
การติดตั้งอุปกรณ์และระบบป้องกันความปลอดภัย
เช่น เทคโนโลยี Safety Sensors บนบันไดเลื่อน เพื่อลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุ
-
การพัฒนามาตรฐานความปลอดภัยร่วมกับคู่ค้า
โดยกำหนดให้คู่ค้าต้องมีแผนปฏิบัติการแก้ไข (Corrective Action Plan) หากพบว่ามีการละเมิดมาตรฐานความปลอดภัย
-
การกำหนดเป้าหมายให้ "อัตราการเสียชีวิตจากการทำงานของพนักงานและผู้รับเหมาเป็นศูนย์"
พร้อมทั้งลดอัตราการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุในสถานที่ทำงานให้เหลือน้อยที่สุด
การบ่งชี้อันตราย และการประเมินความเสี่ยง ประกอบด้วย
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง และอาคาร
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี อุปกรณ์ การบำรุงรักษา และบริการ
- ความเสี่ยงที่เกี่ยวกับการจัดการกรณีเกิดภัย ภาวะฉุกเฉิน หรือคุกคาม
- ความเสี่ยงที่เกิดจากผู้รับเหมา / ผู้รับเหมาช่วง
- ความเสี่ยงในการปฏิบัติตามพันธะสัญญา / กฎหมาย
- ความเสี่ยงที่จุดประสงค์ขององค์กรจะไม่บรรลุ
การมีส่วนร่วมของพนักงาน
บริษัทฯ มีการแต่งตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยฯ (คปอ.) ในศูนย์การค้าแต่ละสาขา รวมถึงสำนักงานใหญ่ โดยอาศัยการมีส่วนร่วมของพนักงาน ผ่านการเลือกตั้งตัวแทนจากทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ตามสัดส่วนที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้การบริหารจัดการด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยมีความทั่วถึงและมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วน
ในปี 2567 บริษัทฯ มีคณะกรรมการความปลอดภัยฯ รวมทั้งสิ้น 386 คน แบ่งเป็นตัวแทนนายจ้าง 163 คน และตัวแทนลูกจ้าง 223 คน คิดเป็นร้อยละ 6 ของพนักงานทั้งหมด (ไม่รวมพนักงานสัญญาจ้าง) โดยมีการประชุมเป็นประจำทุกเดือน เพื่อรายงานเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย รวมถึงหารือแนวทางป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ โดยร่วมกับหน่วยงาน Security & Safety เพื่อจัดทำแผนปฏิบัติการที่เหมาะสม พร้อมนำเสนอประเด็นความเสี่ยงต่อผู้บริหารสูงสุดของฝ่ายบริหารทรัพย์สิน
ผลจากการประชุมจะถูกนำมาพิจารณาจัดลำดับความสำคัญ และสื่อสารไปยังแต่ละสาขาให้นำไปปฏิบัติในแนวทางเดียวกัน เพื่อสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัยที่เข้มแข็งทั่วทั้งองค์กร ครอบคลุมพนักงานทุกระดับ รวมไปถึงผู้รับเหมาช่วงและคู่ค้า ทั้งนี้ บทสรุปจากการประชุมและมาตรการต่าง ๆ จะถูกรวบรวมและรายงานต่อคณะกรรมการบริหารความเสี่ยง และคณะกรรมการนโยบายความเสี่ยงตามลำดับขั้นอย่างต่อเนื่อง
การตรวจสอบ ป้องกัน และเฝ้าระวัง
ในขั้นตอนการพัฒนาโครงการก่อสร้าง บริษัทฯ ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างว่าด้วยเขตก่อสร้าง และปฏิบัติตาม ประกาศคำสั่งของทางราชการและกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างทุกฉบับโดยต้องมีเจ้าหน้าที่ จป. วิชาชีพดูแลไม่น้อยกว่าตามที่ กฎหมายกำหนด และเพียงพอต่อการรักษาความปลอดภัย ทำแผนมาตรการป้องกันอุบัติเหตุ และการจัดการความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้าง นำเสนอขออนุมัติ ต่อวิศวกรผู้บริหารงานก่อสร้างภายใน 30 วัน นับแต่กำหนดเริ่มงานตามสัญญา และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ ระเบียบ วิธีอย่างเคร่งครัด มีพนักงานรักษาความปลอดภัย ประจำสถานที่ก่อสร้างให้เพียงพอเหมาะสมกับขนาดของงานก่อสร้าง ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เว้นวันหยุด จนกว่าการก่อสร้างจะเสร็จสมบูรณ์ รวมถึงมีการป้องกัน ความเสียหายและมลภาวะต่างๆ ที่เกิดจากงานก่อสร้าง เช่น ฝุ่น เสียงการสั่น สะเทือน น้ำเสีย วัสดุตกหล่น เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัยข้างเคียง โดยต้อง มีการตรวจสอบวัสดุอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพดีสมบูรณ์พร้อมใช้งาน ก่อนนำมาใช้งานตลอดระยะเวลาก่อสร้างโครงการ
โดยข้อกำหนดด้านความปลอดภัยที่สำคัญในการก่อสร้าง ประกอบด้วย
- นโยบายความปลอดภัยและสุขภาพอนามัยในการทำงาน
- การจัดองค์กรความปลอดภัยในงานก่อสร้างและหน้าที่ความรับผิดชอบ
- กฎหมายและข้อกำหนดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- การฝึกอบรมความปลอดภัย
- กำหนดมาตรการการป้องกันและควบคุมอันตราย
- การตรวจความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้าง
- กำหนดกฎความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้าง
- การควบคุม ดูแลความปลอดภัยฯ ของผู้รับเหมาช่วง
- การตรวจสอบและติดตามผลความปลอดภัย
- การรายงานอุบัติเหตุและการสอบสวน วิเคราะห์อุบัติเหตุ
- การรณรงค์ส่งเสริมความปลอดภัยฯ
- การปฐมพยาบาล
- การวางแผนฉุกเฉิน
- กำหนดแผนการจัดการจราจร และรักษาความปลอดภัยงานก่อสร้างร่วมกับทางราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ในการบริหารโครงการ และศูนย์การค้า
- ปรับปรุงศักยภาพในการดูแลด้านสุขอนามัย ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานสากล ISO 45001 โดยนำร่องโดยนำเซ็นทรัล หาดใหญ่ ขอการรับรองเป็นแห่งแรก และเตรียมแผนขยายขอบเขตการขอรับรอง อีก 3 โครงการในปี 2567 ทั้งนี้ ได้มีการนำแนวทางจัดการดังกล่าว มาจัดทำเป็นระบบมาตรฐานภายในองค์กรเพื่อปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันทุกสาขา เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขอการรับรองต่อไป
- มีการป้องกัน โดยเน้นระบบเฝ้าระวัง มีการจัดหมวดหมู่การเฝ้าสังเกตแต่ละจุดในแต่ละห้วงเวลา ตามเครื่องมือ – นาฬิกาอาชญากรรม และนำระบบ CCTV มาใช้ในการสังเกตพฤติกรรมบนจอมอนิเตอร์ 32 จอ ปัจจุบัน บริษัทฯ ได้ทำการติดตั้งระบบ CCTV แล้วทั้งสิ้นจำนวน 8,711 ตัว ในทุกโครงการ และมีการติดตั้ง จุดรับเรื่องฉุกเฉินในลานจอดรถ หรือ call point service จำนวน 3,035 จุด ใน 36 โครงการ
- การตรวจเช็กและรับรองคุณภาพความปลอดภัยของถังดับเพลิงทุกถัง โดยผู้ชำนาญการภายนอก ร่วมกับการตรวจเช็กของเจ้าหน้าที่ LP ที่มีการตรวจเช็กเป็นหน้าที่ประจำวันอยู่แล้ว เพื่อสร้างความมั่นใจในประสิทธิภาพของตัวถังและระบบเซฟตี้วาล์วตามมาตรฐานสากล ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายใดๆ กับผู้ใช้งาน
- ปฏิบัติการภายใต้ระบบ Color-Code Condition 5 ระดับ ได้แก่ ระดับปลอดภัย-สีเขียว ระดับป้องกัน-สีน้ำเงิน ระดับเสี่ยง-สีเหลือง ระดับสูง-สีส้ม และระดับรุนแรงสีแดง ในการติดตามควบคุมและประเมิน สถานการณ์ภาวะวิกฤติเป็นประจำทุกเดือน ในปี 2566 จัดอยู่ในระดับสีนํ้าเงิน หรือสถานการณ์ป้องกัน เนื่องจากไม่ได้มีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัย หรือความเสียหายในระดับรุนแรงเกิดขึ้น ในโครงการภายใต้การดูแลของบริษัทฯ
ส่งเสริมสุขอนามัยและสวัสดิการพนักงาน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับสุขภาพและสุขอนามัยของพนักงาน โดยมีการตรวจสุขภาพพนักงานเป็นประจำ รวมถึงการคัดกรองโรค เช่น วัณโรค และมีมาตรการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม เช่น การฉีดพ่นป้องกันยุงในไซต์ก่อสร้างทุก ๆ สองเดือน เพื่อป้องกันโรคไข้เลือดออกและมาลาเรีย นอกจากนี้ บริษัทยังมีแนวทางการจัดการด้านสุขภาพเพื่อรับมือกับโรคระบาด เช่น COVID-19 อย่างเป็นระบบ
ผลการวิเคราะห์อุบัติเหตุและบทเรียน
ในปี 2567 บริษัทฯ มีจำนวนชั่วโมงการทำงานรวมกว่า 12 ล้านชั่วโมง โดยพบเหตุการณ์อุบัติเหตุของพนักงานจำนวน 5 กรณี ซึ่ง 3 กรณีเป็นอุบัติเหตุถึงขั้นหยุดงาน คิดเป็นอัตราการบาดเจ็บถึงขั้นหยุดงาน (Lost Time Injury Frequency Rate - LTIFR) เท่ากับ 0.25 กรณีต่อ 1 ล้านชั่วโมงทำงาน ทั้งนี้ ไม่พบกรณีอุบัติเหตุร้ายแรงหรือเสียชีวิต และไม่มีกรณีเจ็บป่วยจากการทำงาน
สาเหตุหลักของการบาดเจ็บ ได้แก่ ความไม่ระมัดระวังของผู้ปฏิบัติงาน และสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม อาทิ พื้นลื่นจากคราบน้ำ และพื้นที่อับอากาศ ซึ่งบริษัทฯ ได้เร่งดำเนินการปรับปรุงมาตรการด้านความปลอดภัย พร้อมจัดการอบรมเฉพาะจุดในพื้นที่เสี่ยง เพื่อป้องกันการเกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันอีกในอนาคต
การปรับปรุงและควบคุมความเสี่ยง
ผลจากการประเมินสถานการณ์ความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งในสถานประกอบการ และเหตุที่เกิดขึ้นภายในประเทศภายใต้ระบบ Color-Code Condition บริษัทฯ ได้นำมาถอดบทเรียน และจัดทำมาตรการป้องกันความปลอดภัย และลดความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะใกล้เคียงกัน ดังนี้
ติดตั้งบันไดเลื่อนที่มีระบบเทคโนโลยี Safety Sensors ทั้งหมด 15 จุด
ติดตั้งบันไดเลื่อนที่มีระบบเทคโนโลยี Safety Sensors ทั้งหมด 15 จุด เพื่อหยุดการทำงานของระบบทันที กรณีพบสิ่งปกติ รวมถึงมีปุ่มกดหยุดฉุกเฉินด้วยมือเพื่อรักษา ความปลอดภัยอีกระดับ ตลอดจนมีฝ่ายช่างและวิศวกรรมตรวจดูแล และซ่อมบำรุงระบบให้อยู่ในมาตรฐานพร้อมใช้งานอย่างปลอดภัย รวมทั้งมีการสื่อสารเพื่อเพิ่มการ ตระหนักระวังให้แก่ผู้ใช้บริการศูนย์การค้า โดยจัดทำข้อมูลสื่อสารความรู้สำหรับแนวทางการใช้บันไดเลื่อนที่ปลอดภัย และการแก้ไข เมื่อเกิดเหตุขัดข้องผ่านสื่อทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งเครื่องฆ่าเชื้อด้วยรังสียูวีด้านในตัวเครื่องเพื่อสุขลักษณะที่ดี เพื่อยกระดับความสะอาดมั่นใจแก่ผู้ใช้งาน



จัดทำ ‘คู่มือปฏิบัติกรณี Active Shooter’
ซึ่งประกอบด้วย วัตถุประสงค์ ขอบข่าย ผู้เกี่ยวข้องและหน้าที่ความรับผิดชอบ แผนภาพกระบวนการ รายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานการปฏิบัติก่อนเกิดเหตุ หรือ มาตรการป้องกัน การปฏิบัติระหว่างเกิดเหตุ (มาตรการเผชิญเหตุ) ขั้นตอนการปฏิบัติ 3 ประการ วิ่งหนี-หลบซ่อน-สู้ ขั้นตอนการปฏิบัติของศูนย์การค้า ขั้นตอนการ รายงาน การสื่อสาร และการเตรียมอุปกรณ์ระบบสื่อสาร การปฏิบัติหลังเกิดเหตุ มาตรการฟื้นฟู การควบคุมบันทึกคุณภาพ แบบฟอร์มและอุปกรณ์สำหรับเตรียม ความพร้อม เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องและมีหน้าที่ความรับผิดชอบ ตัดสินใจดำเนินการช่วยเหลือกรณีเกิดเหตุได้อย่างรวดเร็ว และปลอดภัยที่สุดต่อเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน พนักงานร้านค้า ผู้เช่า ลูกค้า และทุกคนที่อยู่ภายในศูนย์การค้า