
การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
เป้าหมายและผลการดำเนินงาน

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย

ผลการดำเนินงาน
เป้าหมาย
ความท้าทายและโอกาสทางธุรกิจ
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ต้องบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีความซับซ้อนจากความหลากหลายของคู่ค้าและผู้รับเหมา พร้อมทั้งกำกับดูแลให้คู่ค้าปฏิบัติตามมาตรฐานด้านจริยธรรมและความยั่งยืนของบริษัทฯ อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตลอดห่วงโซ่อุปทาน ตลอดจนการส่งเสริมความโปร่งใสในระดับคู่ค้าชั้นรอง เป็นประเด็นสำคัญที่ต้องได้รับการดูแลอย่างรอบด้าน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการผสานมิติด้านความยั่งยืน (ESG) เข้ากับกลยุทธ์จัดหาและจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงพัฒนาแนวทางการบริหารห่วงโซ่อุปทานที่เน้นความต่อเนื่องของธุรกิจ (business continuity) ความโปร่งใส และความยืดหยุ่น เพื่อลดความเสี่ยงจากการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน โดยเฉพาะในกลุ่มคู่ค้าที่มีบทบาทสำคัญทางยุทธศาสตร์
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังต้องจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลจากเครือข่ายคู่ค้าขนาดใหญ่เพื่อพัฒนากระบวนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน การผสานแนวทางความยั่งยืนเข้ากับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างโดยไม่ส่งผลกระทบต่อโครงสร้างต้นทุน ถือเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ต้องบริหารจัดการอย่างสมดุล
อย่างไรก็ตาม บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มองเห็นโอกาสในการสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นกับคู่ค้า ซึ่งช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านความยั่งยืนและลดผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมผ่านการจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งยกระดับภาพลักษณ์องค์กรและเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย นอกจากนี้ การปรับปรุงประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานยังช่วยลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในระยะยาว
แนวทางการบริหารจัดการและการสร้างคุณค่า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทานอย่างเป็นระบบ โดยคำนึงถึงหลักสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ตลอดกระบวนการดำเนินธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างความโปร่งใส ยกระดับมาตรฐานคู่ค้า และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
จรรยาบรรณและมาตรฐานทางจริยธรรมสำหรับคู่ค้า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้กำหนดจรรยาบรรณสำหรับคู่ค้า (Supplier Code of Conduct) ซึ่งครอบคลุมเรื่องสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัย และความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม คู่ค้าทุกรายต้องดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใสและเป็นธรรมตามแนวทางที่สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ โดยจรรยาบรรณดังกล่าวอ้างอิงจากมาตรฐานสากล เช่น United Nations Global Compact (UNGC), Universal Declaration of Human Rights (UDHR) และมาตรฐานของ International Labour Organization (ILO)
การคัดเลือกคู่ค้าและการตรวจสอบสถานะทางธุรกิจ (Due Diligence)
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) คัดเลือกคู่ค้าบนพื้นฐานของเกณฑ์ด้านความยั่งยืน โดยให้ความสำคัญกับคู่ค้าที่มีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดี พร้อมดำเนินการตรวจสอบและประเมินความเสี่ยงทั้งในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความมั่นคงทางการเงิน ความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของสินค้าและบริการ รวมถึงความสามารถในการรับมือกับสถานการณ์วิกฤติ
การบริหารความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน
บริษัทฯ แบ่งการบริหารห่วงโซ่อุปทานออกเป็น 3 ส่วน โดยพิจารณาจากความเสี่ยงของกระบวนการในห่วงโซ่คุณค่าที่จะส่งผลต่อการได้มาซึ่งรายได้ของบริษัทฯ กระบวนการที่จะอาจส่งผลให้ธุรกิจหยุดชะงักงัน และประเภทธุรกิจ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว ซึ่งประกอบด้วย 1) การบริหารห่วงโซ่อุปทานงานพัฒนาธุรกิจและก่อสร้างศูนย์การค้า และอาคารอื่น ๆ (ยกเว้นธุรกิจที่อยู่อาศัย) 2) การบริหารห่วงโซ่อุปทานงานพัฒนาธุรกิจและก่อสร้างธุรกิจที่อยู่อาศัย 3) การบริหารห่วงโซ่อุปทานงานการบริหารโครงการ การตลาด และงานการบริหารองค์กรหรือจัดซื้อส่วนกลาง โดยมีกระบวนการระบุและประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน ดังนี้
-
คู่ค้ารายใหม่ทุกรายประเมินตนเองด้านความยั่งยืนบนระบบออนไลน์ โดยคู่ค้าบางกลุ่มทำการประเมินคุณสมบัติเบื้องต้น หรือ Prequalification เพิ่มเติม อาทิ 1) ความน่าเชื่อถือของบริษัทและความสามารถทางด้านการบริหารการเงิน 2) เทคนิคและนวัตกรรมทางเทคโนโลยี 3) การบริหารจัดการคุณภาพของงาน และ 4) การคำนึงถึงผลกระทบด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสิ่งแวดล้อม และการรับรองมาตรฐานที่น่าเชื่อถือ
-
หน่วยงานต้นสังกัดและ/หรือหน่วยงานจัดซื้อกลางตรวจสอบข้อมูลคู่ค้าเบื้องต้นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล รวมไปถึงชื่อเสียงความน่าเชื่อถือของคู่ค้า ความเสี่ยงในประเทศ ความเสี่ยงในกลุ่มอุตสาหกรรม ความเสี่ยงในคุณภาพสินค้า บริการ ความเสี่ยงในการให้บริการ และส่งมอบงาน
-
แบ่งออกเป็น 1) การประมูลแบบเปิดซองสอบราคาพร้อมกัน และระบบอิเล็กทรอนิกส์ e-auction 2) การเปรียบเทียบคู่ค้า 3 ราย โดยทั้ง 2 ระบบ แยกการพิจารณาความสามารถและศักยภาพด้านเทคนิคและความคุ้มค่าของราคา 3) การจัดซื้อสินค้าหรือบริการได้โดยตรงจากระบบทะเบียนสินค้าและบริการ e-catalog ที่ผ่านการเปรียบเทียบราคาและกระบวนการประเมินคู่ค้ารายปีเรียบร้อยแล้ว
-
เกณฑ์ในการคัดเลือกคู่ค้า ประกอบด้วย คุณภาพดี ราคาดี บริการดี เงื่อนไขถูกต้อง ปริมาณถูกต้อง เวลาถูกต้อง แหล่งผลิตถูกต้อง และส่งสถานที่ถูกต้อง นอกจากนี้ ในแต่ละส่วนจะมีข้อกำหนดในเรื่องปริมาณงานที่จัดจ้างต่อคู่ค้าหนึ่งรายเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม หลีกเลี่ยงการผูกขาด และกระจายความเสี่ยงในการดำเนินงานและส่งมอบงานและบริการ เป็นต้น
-
พิจารณาคะแนนที่ได้จากการประเมินตนเองด้านความยั่งยืนประกอบการคัดเลือก โดยคิดเป็นสัดส่วนน้ำหนักร้อยละ 30-100 ของเกณฑ์การคัดเลือกทั้งหมด ขึ้นกับประเภทของสินค้าและบริการ
-
คู่ค้าทุกรายที่ผ่านการคัดกรองและคัดเลือกต้องรับรองการปฏิบัติงานของตนเองตามจรรยาบรรณคู่ค้า
-
คู่ค้าหลัก
- มียอดการจัดซื้อจัดจ้างที่มีมูลค่าสูงเมื่อผ่านการวิเคราะห์ค่าใช้จ่าย (Spend Analysis) และมีเสถียรภาพทางการเงินที่มั่นคง
- ผลิตภัณฑ์หรือบริการมีความสำคัญต่อการดำเนินการของบริษัทฯ รวมไปถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ หรือศักยภาพในการตอบสนองเหตุการณ์วิกฤต
- บริษัทฯ ต้องพึ่งพาสูง มีคู่ค้าน้อยรายในตลาด
-
คู่ค้าหลักทางอ้อม
- มีความเสี่ยงหรือโอกาสในห่วงโซ่อุปทานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
- ระบุคู่ค้าหลักทางอ้อมจากคู่ค้าหลัก
ในปี 2567 บริษัทฯ มีคู่ค้า Tier 1 ทั้งหมด: 4,479 ราย มูลค่า 12,710 ล้านบาท และคู่ค้าหลักที่สำคัญ: 129 ราย มูลค่า 5,992 ล้านบาท (คิดเป็น 3% ของจำนวนคู่ค้า และ 47% ของมูลค่าการจัดซื้อทั้งหมด)
-
คู่ค้าหลักจะถูกประเมินความเสี่ยงด้านความยั่งยืนเพิ่มเติมเพื่อกำหนดเป็นกลุ่มคู่ค้าหลักที่สำคัญ โดยพิจารณาจาก
- มีนโยบายด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่สอดคล้องตามทิศทางของบริษัทฯ
- มีระยะเวลาสัญญาของแต่ละธุรกรรมที่ทำระหว่างกันยาวเกิน 1 ปี
- มีศักยภาพในการพัฒนาต่อยอดและขยายผล
- มีส่วนในการสนับสนุนด้านนวัตกรรม เทคโนโลยี และแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน
- มีความเสี่ยงหรือโอกาสในห่วงโซ่อุปทานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
- บริษัทฯ ดำเนินการประเมินตรวจรับสินค้าและบริการกับคู่ค้าทุกรายในทุกครั้งที่รับสินค้าและบริการโดยต้นสังกัดที่ทำการจัดซื้อ/จัดจ้าง โดยสแกนคิวอาร์โค้ดในทุกรายการที่ดำเนินการสั่งซื้อผ่านทางระบบจัดซื้อ/จัดจ้างของบริษัทฯ (เฉพาะรายการที่ผ่านจัดซื้อส่วนกลาง)
- คู่ค้าหลักและคู่ค้าหลักทางอ้อมจะถูกประเมินเชิงวิเคราะห์เอกสารหรือแสดงข้อมูลด้านความยั่งยืนบางรายการตามการร้องขอจากหน่วยงานจัดซื้อกลางและ/หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- คู่ค้าหลักที่สำคัญที่ได้รับการประเมินว่ามีความเสี่ยงสูง จะถูกตรวจประเมิน ณ สถานที่ปฏิบัติงานเป็นรายสัปดาห์หรือตามระยะเวลาที่กำหนดโดยหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรง และสุ่มตรวจหน้างานโดยผู้บริหารระดับสูงของสายงานที่เกี่ยวข้อง ครอบคลุมกระบวนการก่อสร้าง การผลิต การให้บริการ แนวทางการปฏิบัติการของคู่ค้าในด้านความเป็นธรรม ความปลอดภัย สิทธิมนุษยชน และการสร้างผลกระทบเชิงลบ ทั้งต่อผู้รับเหมาช่วง ต่อพนักงานของตน ต่อสิ่งแวดล้อม และต่อชุมชนโดยรอบ โดยยึดตามหลักกฎหมาย กฎระเบียบบังคับของบริษัทฯ แนวทางปฎิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้า และระเบียบในการส่งมอบงานตามแนวทางความยั่งยืนในเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัย สิทธิมนุษยชน การจัดการขยะก่อสร้าง และการจัดการข้อร้องเรียน
- คู่ค้าหลักที่สำคัญจะถูกตรวจประเมินเฉพาะด้านโดยหน่วยงานผู้เชี่ยวชาญภายนอก อาทิ ด้านความปลอดภัย ด้านการจราจร ด้านผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพ และมาตรฐานอาคารเขียว โดยยึดตามแนวทางมาตรฐานระดับสากลและตามจรรยาบรรณคู่ค้าของบริษัทฯ
- คู่ค้าหลักที่สำคัญบางรายจะถูกประเมินเชิงลึกด้วยข้อมูลปฐมภูมิ ในสถานประกอบการของคู่ค้า เพื่อลดความเสี่ยงในการส่งมอบสินค้าหรือบริการ รวมไปถึงพิจารณาศักยภาพในการต่อยอดและความพร้อมในการเข้าสู่การพัฒนาคู่ค้าต่อไป
- กำหนดให้คู่ค้าต้องมีการจัดทำแผนงานปฏิบัติการแก้ไข (Corrective Action Plan) เพื่อแก้ไขปัญหาหรือประเด็นที่ไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด และต้องแก้ไขจนกว่าจะได้รับการยืนยันว่าแก้ไขสำเร็จ หากเกิดการละเลยไม่ดำเนินการจะส่งผลต่อการประเมินขึ้นทะเบียนคงสภาพการเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ ในปีถัดไป
- มีการกำหนดบทลงโทษอย่างชัดเจนหากคู่ค้าละเลยหรือฝ่าฝืน โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยตามแบบประเมินผลความปลอดภัยและกฎระเบียบ (Safety Evaluation Checklist and Discipline/Order)
- คู่ค้าหลักที่ผ่านการประเมินเชิงวิเคราะห์เอกสารหรือการประเมิน ณ สถานที่ปฏิบัติงาน จะได้รับการพิจารณาเปรียบเทียบศักยภาพกับคู่ค้ารายอื่นๆ ในหมวดสินค้า/บริการประเภทเดียวกัน เพื่อต่อยอดความร่วมมือพัฒนาจากคู่ค้าสู่พันธมิตรทางการค้าต่อไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทาน เพิ่มขีดความสามารถหรือศักยภาพให้กับคู่ค้าตามความจำเป็นและความพร้อมของคู่ค้า
- คู่ค้าที่ประพฤติผิดจรรยาบรรณคู่ค้าของบริษัทฯ หรือผิดตามเงื่อนไขและไม่ผ่านการตรวจประเมินจะถูกนำเข้าสู่ระเบียบการพิจารณาขึ้นบัญชีดำ ผู้ขาย-ผู้รับจ้าง จนกว่าจะสามารถดำเนินการตามแผนแก้ไขได้สำเร็จและผ่านการประเมินโดยหน่วยงานต้นสังกัดและคณะกรรมการฯ พิจารณาขึ้น/ปลดล็อคบัญชีดำตามระเบียบกำหนด
- มีการทบทวนทะเบียนและบัญชีคู่ค้าตามรอบที่กำหนดในแต่ละส่วนงาน ตามนโยบายการจัดซื้อจัดจ้างและการพิจารณาการคงสภาพคู่ค้าเป็นประจำทุกปี
การปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในการบริหารต้นทุน
วัตถุประสงค์ในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน คือ การบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ โดยเพิ่มมุมมองขยายผลตลอดห่วงโซ่คุณค่าในการลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้เช่า สร้างประสบการณ์ประทับใจในการใช้บริการของลูกค้าเพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้เกิดการมาใช้บริการซ้ำ และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานของคู่ค้าหลักที่สำคัญเพื่อลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของคู่ค้าเอง
การพัฒนาและสนับสนุนคู่ค้าสู่พันธมิตรทางธุรกิจ
บริษัทฯ นำผลสัมฤทธิ์บางรายการจากแผนงานเพิ่มประสิทธิภาพและผลิตภาพในการบริหารต้นทุนมาวิเคราะห์ร่วมกับผลการประเมินความสามารถและความพร้อมของคู่ค้าหลักที่สำคัญ เพื่อพัฒนาแผนงานในการพัฒนาคู่ค้าหลักที่สำคัญโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยงในห่วงโซ่อุปทานและเพิ่มความคล่องตัวในการดำเนินการระหว่างกัน อีกทั้งสนับสนุนและผลักดันคู่ค้าสู่พันธมิตรทางธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถและโอกาสให้กับคู่ค้าได้เติบโตทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
หน่วยงานต้นสังกัดนำประเด็นที่ได้รับจากกระบวนการรับฟังข้อคิดเห็นจากกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียกลุ่มต่าง ๆ ที่เกี่ยวโยงกับการดำเนินงานของตนมาวิเคราะห์และพัฒนาแผนกลยุทธ์ โดยผนวกรวมแผนงานในการพัฒนาคู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานของตนไว้ด้วยกันเพื่อให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาอย่างเป็นระบบ แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินงานได้อย่างทันท่วงที และต่อยอดสู่การพัฒนาเป็นมาตรฐานในการดำเนินการระหว่างกันได้หรือพัฒนาสู่การสร้างนวัตกรรมและคุณค่าร่วมให้กับสังคมในวงกว้างร่วมกัน สอดคล้องตามนโยบายของบริษัทฯ ด้านการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย นโยบายด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม และนโยบายการเคารพกฎหมายและหลักสิทธิมนุษยชน โครงการที่ดำเนินการร่วมกับคู่ค้าและพัฒนาต่อยอดเป็นมาตรฐานหรือแนวทางในการดำเนินการของบริษัทฯ แล้ว ได้แก่
-
การนำ Building Information Modeling (BIM)
มาใช้ในการสร้างแบบจำลองเสมือนของอาคารในรูปแบบดิจิทัล ในบางงานออกแบบ เช่น โครงสร้างใต้ดิน การบริหารจัดการอาคารสถานที่ การออกแบบร้านค้าปลีก
-
การนำเศษเสาเข็มที่ตัดทิ้งมาใช้ซ้ำ
โดยแปลงเป็นวัสดุรีไซเคิลคอนกรีต หรือ RCA- Recycled Concrete Aggregate ทดแทนหินคลุกในการปูถนนชั่วคราว และวัสดุรองทางถนน
-
การจัดการคัดแยกขยะในไซต์งานและการแปรรูป
อาทิ 1) ทำน้ำหมักชีวภาพใช้เองและแจกจ่ายชุมชน 2) นำเศษอาหารไปเลี้ยงไส้เดือนดิน 3) หมักปุ๋ยใช้เองและแบ่งขาย โดยนำรายได้จากการจำหน่ายมาหมุนเวียนซื้ออาหารและเครื่องเขียนให้เด็กในละแวกใกล้เคียงและแรงงานในไซต์งาน · การหมุนเวียนนำกลับมาใช้ซ้ำ อาทิ 1) นำผนังกั้นชั่วคราวหรือหลังคา Metal Sheet มาวนใช้ซ้ำ 2) ขนย้ายดินจากการขุดดินช่วงก่อสร้างไปถมในที่ดินที่เหมาะสมในพื้นที่ของโครงการภายในเครือฯ 3) หมุนเวียนใช้ตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 40 ตู้ เป็นสำนักงานโครงการชั่วคราวและบ้านพักคนงาน
-
การติดตั้งหลังคาที่จอดรถพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ Solar Carport
แบบหลังคาอาคารจอดรถหรือแบบหลังคาคลุมเฉพาะช่องจอด และติดตั้งระบบ Solar Lighting ร้อยละ 50 ของระบบไฟส่องสว่างถนนทั้งหมดโดยรอบโครงการ
-
การใช้โปรแกรม Construction Online
มาใช้ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงหน้างานทั้งหมด สามารถลดการใช้กระดาษได้ร้อยละ 70 เทียบกับระบบเดิม การอบรมมาตรฐานระบบการให้บริการตามปรัชญาการให้บริการด้วยหัวใจ หรือ “Service with the Heart” ให้กับผู้รับเหมาช่วงที่ดูแลงานรักษาความสะอาด และงานรักษาความปลอดภัย
การติดตามและประเมินผลคู่ค้า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มีระบบติดตามและประเมินผลการดำเนินงานของคู่ค้า โดยเน้นไปที่ประเด็นด้าน ESG เพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด มีการประเมินผลประจำปี และดำเนินการตรวจสอบสถานประกอบการของคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูง โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการตรวจสอบและประเมินคู่ค้าให้ครบ 100% ในด้านการพัฒนาโครงการและการดำเนินงาน
การพัฒนาและเสริมสร้างความร่วมมือกับคู่ค้า
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) มุ่งเน้นการพัฒนาคู่ค้าให้เป็นพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว โดยให้การสนับสนุนผ่านการจัดอบรม ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยี และแบ่งปันแนวปฏิบัติที่ดี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของคู่ค้าในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดช่องทางสื่อสารเพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง
การส่งเสริมห่วงโซ่อุปทานที่ยั่งยืน
บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยนำระบบ Vendor Portal มาใช้ในการจัดการข้อมูลคู่ค้า เพิ่มความโปร่งใส ลดขั้นตอนด้านเอกสาร และช่วยให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ ยังมีระบบติดตามและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของคู่ค้า รวมถึงการจัดเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด
บริษัทฯ ได้ดำเนินการยกระดับระบบ ‘Vendor Portal’ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งพัฒนาแพลตฟอร์มติดตามผลการประเมินแบบ Real-time เพื่อเพิ่มความแม่นยำ โปร่งใส และสามารถบริหารจัดการข้อมูลคู่ค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ยังวางแผนต่อยอดไปสู่การใช้ Machine Learning ในการคาดการณ์ความเสี่ยงของคู่ค้า เพื่อสนับสนุนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ และลดโอกาสเกิดปัญหาในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทาน
เซ็นทรัลพัฒนาได้นำโซลูชันดิจิทัล เช่น ระบบ Vendor Portal มาใช้เพื่อยกระดับการดำเนินงานในห่วงโซ่อุปทาน โดยมีเป้าหมาย
- บริหารจัดการข้อมูลของซัพพลายเออร์อย่างเป็นระบบ
- เพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน
- ลดกระบวนการจัดการเอกสารที่ซับซ้อน
- เพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ระบบติดตามผลการดำเนินงานและการจัดเก็บข้อมูลอย่างมีโครงสร้าง เพื่อให้มั่นใจว่าซัพพลายเออร์ปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนดไว้อย่างครบถ้วน
แนวทางการดำเนินงานเพื่อบรรลุเป้าหมาย
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) ได้ดำเนินมาตรการที่เข้มงวดและนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ โดยมีการตรวจประเมินและพัฒนาคู่ค้าอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทฯ มีคู่ค้าเข้าร่วมโครงการพัฒนาแล้วมากกว่า 50% ของคู่ค้าหลักที่มีความสำคัญ และมีมาตรการควบคุมเพื่อให้มั่นใจว่าคู่ค้าในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงสามารถดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด